เปิด 10 คำสั่ง ปธน.ทรัมป์ ลงนามวันแรกรับตำแหน่ง เขย่าโลก สะเทือนไทย ทั้งถอนตัวจากความตกลงกรุงปารีส ถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก
หลังจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี ทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 12.01 น.ของวันที่ 20 ม.ค.68 ตามเวลาท้องถิ่น
จากนั้น นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เซ็น 10 คำสั่งออกมาทันที โดยแต่ละคำสั่งล้วนแล้วมีผลเขย่าโลกและสะเทือนไทยด้วยเช่นกัน
1.ถอนตัวจากความตกลงกรุงปารีสแก้ปัญหาโลกร้อน เพิ่มผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล
การถอนตัวจากข้อตกลงกรุงปารีสอีกครั้งในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 โดยมีการส่งจดหมายถึงสหประชาชาติ แจ้งความตั้งใจดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ทรัมป์ระบุว่า ข้อตกลงปารีสเป็นหนึ่งในข้อตกลงระหว่างประเทศจำนวนหนึ่งที่ไม่สะท้อนถึงค่านิยมของสหรัฐ และนำเงินภาษีของประชาชนสหรัฐไปใช้กับประเทศที่ไม่ต้องการหรือสมควรได้รับความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อประโยชน์ของชาวอเมริกัน
2.ถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO)
ทรัมป์ประกาศถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลกโดยให้เหตุผลว่า WHO รับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และวิกฤตด้านการแพทย์ระหว่างประเทศอื่นๆ ผิดพลาด ล้มเหลวในการดำเนินการอย่างอิสระจากอิทธิพลทางการเมืองที่ไม่เหมาะสมของประเทศสมาชิก และเรียกร้องให้สหรัฐจ่ายเงินอย่างไม่เป็นธรรม เพราะจำนวนเงินที่สหรัฐจ่ายให้กับ WHO มากกว่าประเทศใหญ่อื่นๆ อย่างจีน
“WHO ขูดเลือดขูดเนื้อเรา ทุกคนขูดเลือดขูดเนื้อสหรัฐอเมริกา มันจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป” ทรัมป์ระบุ
3.ยึดกรีนแลนด์-คลองปานามา
ทรัมป์พูดถึงเรื่องการซื้อกรีนแลนด์ และยึดคืนคลองปานามามาก่อนหน้านี้ และยังคงยืนยันจุดยืนในทั้งสองประเด็นหลังเข้ารับตำแหน่ง โดยในส่วนของกรีนแลนด์ ทรัมป์ให้เหตุผลว่าสหรัฐจำเป็นต้องควบคุมเกาะที่เป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของสหรัฐ
ขณะที่การคลองปานามากลับคืนมาก็เป็นความจำเป็น พร้อมกล่าวหาจีนว่าได้เข้าควบคุมคลองปานามา “เราไม่ได้ให้มันกับจีน เราให้กับปานามา เรากำลังจะเอามันกลับคืนมา”
4.รื้อโครงสร้างศก. ขึ้นภาษีสินค้าแคนาดา-เม็กซิโก 25% มีผล 1 ก.พ.
สงครามการค้าเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของทรัมป์มาตลอด ทันทีที่รับตำแหน่งทรัมป์ประกาศว่าจะขึ้นภาษีนำเข้า 25% ต่อสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้
ในรัฐบาลทรัมป์ 1.0 มีการขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจีนอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ในวันแรกของการดำรงตำแหน่ง ทรัมป์ยังไม่ได้ประกาศนโยบายกีดกันทางเศรษฐกิจกับจีนที่ชัดเจน แต่มีรายงานว่าทรัมป์ได้สั่งให้หน่วยราชการประเมินข้อตกลงที่สหรัฐเคยร่วมลงนามกับจีนในปี 2020 ซึ่งเชื่อว่าจะนำไปสู่มาตรการชุดใหญ่ตามมาในอนาคต
5.อภัยโทษผู้ก่อจลาจลบุกคองเกรสกว่า 1,500 คน
หนึ่งในประเด็นที่เป็นที่คาดหมาย คือการลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ อภัยโทษให้กับผู้สนับสนุนเขากว่า 1,500 คนที่ก่อจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐในวันที่ 6 มกราคม 2016 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ทรัมป์ระบุว่า พวกเขาเป็นตัวประกันที่ต้องได้รับการอภัยโทษอย่างสมบูรณ์ และหวังว่าคนทั้งหมดจะได้ออกจากคุกในคืนวันเดียวกันนี้ เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง
6.ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดนใต้ เนรเทศผู้อพยพผิดกม. ยกเลิกให้สัญญาติโดยกำเนิด
การแก้ปัญหาผู้อพยพเป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงของทรัมป์ในช่วงหาเสียง ทันทีที่เสร็จสิ้นพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ทรัมป์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในชายแดนทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักของผู้อพยพเข้ามาในสหรัฐ และยังระงับการเปิดให้ผู้อพยพลงทะเบียนเข้ามาในสหรัฐด้วยการนัดหมายผ่านออนไลน์ ถือเป็นการเริ่มต้นของสิ่งที่ทรัมป์เรียกว่าเป็นปฏิบัติการที่ในการเนรเทศผู้อพยพหลายล้านคนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ขณะเดียวกันทรัมป์ยังลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารให้ยกเลิกการให้สัญชาติกับทารกที่เกิดในสหรัฐทุกคน ซึ่งทำให้ผู้สนับสนุนสิทธิพลเมืองและผู้อพยพฟ้องร้องรัฐบาลทรัมป์ทันที โดยให้เหตุผลว่าเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
7.ขยายเวลาบังคับใช้กม.แบน TikTok 75 วัน
ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารให้ชะลอการบังคับใช้กฎหมายแบนติ๊กต็อก (TikTok) แอพพลิเคชั่นแชร์วิดีโอสั้นยอดนิยม ของบริษัทไบต์แดนซ์ของจีน ออกไป 75 วัน โดยรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐจะออกคำแนะนำเรื่องการชะลอการบังคับใช้ดังกล่าว เพื่อให้เวลากับรัฐบาลในการหาทางออก ด้วยการปกป้องความมั่นคงของประเทศขณะที่ยังช่วยให้ชาวสหรัฐ 170 ล้านคนสามารถใช้งานติ๊กต็อกได้ต่อไป โดยทรัมป์รับว่าเขารู้สึกดีกับติ๊กต็อก เพราะมันช่วยให้เขาชนะใจคนรุ่นใหม่และได้คะแนนโหวตจากคนหนุ่มสาวจนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
8.ยกเลิกรับ LGBTQ+ ในหน่วยงานรบ.กลาง – รับคนทำงานตามเพศสภาพแรกเกิด
ขณะที่ไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมสมรสเท่าเทียม รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของทรัมป์กลับประกาศยกเลิกคำสั่งของรัฐบาลไบเดน ด้วยการออกคำสั่งยกเลิกโครงการความหลากหลายในหน่วยงานของรัฐบาลกลาง และกำหนดให้รัฐบาลยอมรับการเข้าทำงานของบุคคลตามเพศสภาพเมื่อแรกเกิดเท่านั้น ส่งผลกระทบกับชาว LGBTQ+ ในสหรัฐอย่างมีนัยสำคัญ
9.ยกเลิกนโยบายคุมปัญญาประดิษฐ์-รถยนต์ไฟฟ้า
ทรัมป์ได้ยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารที่ออกในยุคของรัฐบาลโจ ไบเดน รวม 78 ฉบับ ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือการเพิกถอนนโยบายควบคุมการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เพื่อไม่ให้มีการดำเนินการใดๆ ที่ผิดศีลธรรม รวมถึงนโยบายเกี่ยวกับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ด้วย
10.ประกาศส่งนักบินอวกาศไปดาวอังคาร
ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะส่งนักบินอวกาศไปยังดาวอังคาร ทำให้ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกที่เป็นพันธมิตรสำคัญของทรัมป์ ซึ่งเคยพูดถึงการตั้งอาณานิคมบนดาวเคราะห์ดวงนี้มานานแล้ว ชูกำปั้นขึ้นด้วยความดีใจ ทรัมป์ย้ำว่า ชาติเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้จะได้เห็นตัวเองเป็นประเทศที่กำลังเติบโตอีกครั้ง พร้อมกับการขยายอาณาเขตของตนเอง โดยจะนำธงชาติสหรัฐไปปักบนดาวอังคาร