‘Netflix’ ประกาศขอขึ้นราคาสมาชิก หลังยอดสมาชิกพุ่งทะยานกว่า 302 ล้านคนทั่วโลก เริ่ม 2 ประเทศแรก
ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 21 ม.ค. Netflix บริษัทสตรีมมิงยักษ์ใหญ่ ประกาศขอปรับขึ้นราคาสมาชิกในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา หลังจากสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 19 ล้านคนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024
จำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นถือเป็นจำนวนที่มากที่สุดของ Netflix ส่งผลให้ผู้ให้บริการสตรีมมิงยักษ์ใหญ่รายนี้มีสมาชิกทั่วโลก 302 ล้านราย ส่งผลให้บริษัทสามารถครองตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมได้
Netflix ระบุว่า ความสำเร็จล่าสุดในไตรมาสที่ผ่านมานี้มาจากการถ่ายทอดสด “การแข่งขันชกมวยระหว่าง ไมค์ ไทสัน และ เจค พอล” เมื่อเดือน พ.ย. ซึ่งสามารถทำลายสถิติสตรีมมิงกีฬาสูงสุดที่มียอดผู้เข้าชมมากถึง 108 ล้านคนทั่วโลก

ภาพประกอบ
รวมถึงการถ่ายทอดสดฟุตบอล NFL สองนัดในวันคริสต์มาส ทำลายยอดผู้เข้าชมสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ด้วยยอดชม 30 ล้านคนทั่วโลก
นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งมาจากซีรีส์ชื่อดัง “Squid Game” ซีซั่น 2 ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานมานี้ ได้สร้างปรากฏการณ์ด้วยยอดผู้เข้าชมสูงถึง 68 ล้านคนในสัปดาห์แรก และ ทาง Netflix ได้เพิ่มการถ่ายทอดสดรายการมวยปล้ำ WWE “Raw” ในทุกคืนวันจันทร์อีกด้วย
เมื่อวันที่ 21ม.ค. Netflix ได้ประกาศปรับขึ้นราคาค่าสมาชิกหลายระดับ โดยค่าสมาชิกรายเดือนแบบมาตรฐานที่ไม่มีโฆษณาเพิ่มขึ้นจาก 15.49 ดอลลาร์เป็น 17.99 ดอลลาร์ต่อเดือน

ภาพประกอบ
ในขณะที่บัญชีมาตรฐานที่มีโฆษณาจะเพิ่มขึ้นจาก 6.99 ดอลลาร์เป็น 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ส่วนระดับพรีเมียมที่รองรับคุณภาพวิดีโอ 4K จะเพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์เป็น 24.99 ดอลลาร์ต่อเดือนพร้อมกันนี้ ค่าบริการเพิ่มสมาชิกนอกครัวเรือนจะปรับขึ้น 1 ดอลลาร์เป็น 8.99 ดอลลาร์ต่อเดือน
ในจดหมายถึงนักลงทุน บริษัทกล่าวว่า “เราขอให้สมาชิกจ่ายเงินเพิ่มเล็กน้อย เนื่องจากเราจะนำไปลงทุนพัฒนาด้านการเขียนโปรแกรม และมอบคุณค่าที่มากขึ้นให้แก่สมาชิกได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงพัฒนาคอนเทนต์ให้ดียิ่งขึ้น”
การขึ้นราคาถือเป็นครั้งล่าสุดสำหรับผู้บริโภค สอดคล้องกับทิศทางการปรับราคาสมาชิกของบริษัทสตรีมมิ่งรายอื่นๆ อย่าง Disney Max Peacock Apple ที่ปรับราคาแผนมาตรฐานในช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน

ภาพประกอบ
บริษัทรายงานรายได้ประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ถือเป็นสถิติสูงสุดเกิน 10,000 ล้านเหรียญเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 2,300 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 เมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนี้ Netflix ยังประกาศซื้อหุ้นคืน 15,000 ล้านเหรียญ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 13%