เอพีรายงานวันที่ 14 เม.ย. ว่า นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวด้วยถ้อยคำวิตกถึงการเผชิญหน้าระหว่างชาติมหาอำนาจ ในปมความขัดแย้งที่ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสงครามซีเรียที่ต่างฝ่ายต่างพร้อมใช้อาวุธและกำลังทางทหารสู้รบกัน ว่าเป็นภัยคุกคามที่น่าวิตกมากที่สุด พร้อมเตือนว่าความโกลาหลนี้จะเป็นภัยต่อสันติภาพและความมั่นคงของโลก
“สงครามเย็นกลับมาแล้ว พร้อมกับความอาฆาตแค้นของการทะเลาะเบาะแว้งกัน” เลขาธิการยูเอ็นกล่าวระหว่างการประชุมฉุกเฉินว่าด้วยวิกฤตสงครามซีเรีย หลังจากเกิดบรรยากาศโต้เถียงอย่างตึงเครียดในเวทียูเอ็น เมื่ออเมริกาพร้อมด้วยพันธมิตร ฝรั่งเศส กล่าวอ้างว่ามีหลักฐานยืนยันว่ารัฐบาลนายบาชาร์ อัล-อัสซาดที่รัฐบาลรัสเซียหนุนหลังอยู่ ใช้อาวุธเคมีทำร้ายพลเรือนครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 8 เม.ย. เหมือนที่ทำมาแล้วกว่า 7 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม แม้สหรัฐและฝรั่งเศส รวมถึงอังกฤษ กล่าวว่ามีหลักฐานพอที่จะใช้กำลังทหารจัดการกับรัฐบาลซีเรีย แต่กลับไม่ได้แสดงหลักฐานนั้นออกมา ทำให้รัฐบาลรัสเซียตอบโต้อย่างแข็งกร้าว ว่ากุเรื่องขึ้นเพื่อจะโค่นอำนาจรัฐบาลนายอัสซาด และกำจัดรัสเซียไปให้พ้นทาง
ขณะเดียวกัน นายพลอิกอร์ โคนาสเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงกล่าวหาอังกฤษว่าเป็นฝ่ายจัดแจงการยั่วยุนี้ขึ้น โดยมีคลิปชายสองคนที่ทำงานให้หน่วยกู้ภัยในเมืองดูมา สถานที่เกิดเหตุ สารภาพว่าช่วยวางระเบิดในอาคาร และยังว่าที่ชาวบ้านสูดควันจากระเบิดเข้าไปนั้นไม่ใช่สารเคมี แต่เกิดจากอุปทานหมู่ หลังมีชายคนหนึ่งพูดว่ามีอาวุธเคมีโจมตีในพื้นที่
ด้านรัฐบาลอังกฤษ คาเรน เพียร์ซ ทูตอังกฤษประจำยูเอ็น แถลงตอบโต้ทันทีว่า กรณีนี้เป็นการโกหกที่พิลึกพิลั่นและโจ๋งครึ่มอย่างที่สุด เป็นข่าวปลอมที่เลวร้ายที่สุดจากกระบวนการโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย