วันที่ 16 เม.ย. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศซีเรียว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาส่งสัญญาณจะถอนกำลังออกจากซีเรียแล้ว แม้เพิ่งร่วมกับอังกฤษ และฝรั่งเศส เปิดปฏิบัติการทางทหารโจมตีเป้าหมาย 3 แห่งในซีเรียและเผชิญหน้ากับรัสเซีย แต่สหรัฐแถลงย้ำเป้าหมายเดิมของการส่งกองทัพสหรัฐไปยังซีเรีย ว่าเป็นปราบปรามกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) และป้องกันกลุ่มก่อการร้ายไม่ให้กลับมามีอิทธิพลในซีเรียได้อีก

ภาพก่อนและหลังการโจมตีทางอากาศที่ศูนย์วิจัยและศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เขตบร์เซห์ ทางเหนือของกรุงดามัสกัส / AFP PHOTO

“ภารกิจของสหรัฐอเมริกายังไม่เปลี่ยน ท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความชัดเจนว่าต้องการให้กองทัพสหรัฐกลับมาประจำการที่บ้านอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เรามุ่งมั่นที่จะทำลายล้างกองกำลังไอเอส และไม่ให้ไอเอสย้อนกลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้เราคาดหวังว่าพันธมิตรและมิตรประเทศของเราในภูมิภาคจะร่วมรับผิดชอบทั้งทางทหารและทางการเงินเพื่อรักษาความมั่นคงของภูมิภาคนี้เอาไว้” น.ส.ซาราห์ แซนเดอร์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าว

มาครง – ทรัมป์ – เมย์

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวขัดแย้งกับแถลงการณ์ของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ซึ่งกล่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการแถลงของทำเนียบขาว ว่ารัฐบาลฝรั่งเศสจะโน้มน้าวให้นายทรัมป์ขยายเวลาปฏิบัติภารกิจในซีเรีย จากเดิมที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐอเมริกามีหน้าที่ในการถอนตัวจากซีเรีย

วันเดียวกัน รัฐบาลรัสเซียแสดงท่าทีว่ายังให้โอกาสรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเปิดการเจรจากัน แม้สหรัฐจะนำทัพโจมตีทางอากาศต่อซีเรีย พันธมิตรของรัสเซีย ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน

“เราหวังว่าเมื่อเหล่าทีมงานอเมริกันแก้ไขประเด็นภายในประเทศได้แล้ว การสื่อสารกันน่าจะเริ่มต้นได้ แม้ว่าจะเกิดเรื่องเสียหายต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีเมื่อเร็วๆ นี้จากรัฐบาลสหรัฐ” นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียกล่าว

นายเปสคอฟกล่าวปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลซีเรียและรัสเซียไม่ยอมให้ทีมค้นหาความจริงเรื่องอาวุธเคมีเข้าไปในยังเขตดูมาที่เกิดเหตุโจมตีด้วยแก๊สพิษ โดยระบุว่าเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้วรัสเซียต้องการให้มีการสอบสวนที่เป็นกลาง

A photo released on April 14, 2018 / AFP

ด้านนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย กล่าวคล้ายกันว่า รัสเซียไม่ได้เข้าไปขัดขวางทีมสอบสวนนานาชาติแต่อย่างใดเลย และรับประกันได้เลยว่ารัสเซียไม่ได้เข้าไปกลบเกลื่อนทำลายหลักฐานใดๆ สิ่งที่อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐนำมาอ้างนั้นล้วนเป็นรายงานของสื่อและโซเชี่ยลมีเดีย ปั้นแต่งขึ้นเพื่อจะได้โจมตี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน