เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 15 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม. ถึงเหตุระเบิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ยังมีเหตุอยู่บ้างแต่เบาลงมาก และจากที่ตนพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ทราบว่าอยู่ระหว่างดำเนินการกับคนร้ายที่ก่อเหตุยิงผู้บริสุทธิ์รายวัน

ส่วนเหตุระเบิดได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ป้องกัน แม้เหตุจะเงียบลงแต่ยังไว้ใจไม่ได้ ที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามทำให้ทุกพื้นที่เกิดความสงบ ขณะที่การสับเปลี่ยนกำลังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่นั้นยังคง ทหารนาวิกโยธิน กองกำลังทหาร โดยใช้กำลังทหารจากกองพลที่ 5 และกองพล 15 ที่มีกองทัพภาคที่ 4 เป็นฝ่ายอำนวยการ ร่วมกับศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) ในการทำงาน โดยเจ้าหน้าที่อาจต้องทำงานมากขึ้น ทั้งนี้ เหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นหลังจากมีการปรับกำลังทหารนั้น เป็นการก่อกวนนอกพื้นที่ ไม่ใช่ในเขตชุมชนและมีจำนวนไม่มาก และไม่ทราบว่าเจตนาของคนที่ก่อเหตุต้องการจะแสดงอะไร แต่เรามีหน้าที่ดูแลและป้องกันให้เกิดความสงบ และปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ประกอบอาชีพและเดินทางกันได้

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ประชาชนให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสดีมาก ทำให้การแก้ปัญหามีความคืบหน้า และกองกำลังทหารพรานทำงานได้ดี ถือว่าทุกส่วนเข้ามาช่วยกันเพราะประเทศเป็นของทุกคน และงานความมมั่นคงต้องร่วมมือทุกฝ่าย ไม่เฉพาะแม่ทัพภาค 4 หรือทหาร ตำรวจ และเวลานี้กทม.เองเห็นชัดว่าทุกฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ปกครอง ประชาชนทุกพื้นที่ ร่วมมือกัน สังเกตได้จากเมื่อเกิดเหตุจะมีคลิปปรากฎทันที จึงต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันทำให้เกิดความสงบและประเทศเดินต่อไปได้

ทั้งนี้ การจับกุมดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุความไม่สงบในกทม. จะขยายผลดำเนินทำไปเรื่อยๆ และส่วนหนึ่งพบว่ามีดีเอ็นเอไปตรงกับผู้ที่ก่อเหตุในพื้นที่ภาคใต้ ก็จะออกหมายจับต่อไป และจะทำทุกพื้นที่ เช่น ในพื้นที่มีนบุรี สามารถจับกุมคนร้ายทุบรถ 4 คัน เป็นต้น และต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างจริงจัง

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน