เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยจำนวนมาก ที่ส่วนมากมาเป็นหมู่คณะ เดินทางมาต่อคิวเพื่อรอเข้าถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง แม้จะเป็นวันที่เปิดทำงานตามปกติ และมีอากาศร้อนอบอ้าว แต่แถวยังยาวถึงฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา โดยเจ้าหน้าที่นำเต็นท์มาตั้งบริเวณฝั่งทิศเหนือ เพื่อคอยให้บริการแก่ประชาชนและเป็นจุดพักคอยระหว่างต่อแถวรอเข้าถวายบังคม พระบรมศพ พร้อมใช้ลูกบอลลูนเป็นจุดแสดงว่าท้ายแถวอยู่บริเวณใด เพื่อสะดวกในการมองเห็นและสามารถเข้าคิวได้โดยง่าย และมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกลุ่มอาสาสมัครคอยจัดคิวอำนวยความสะดวก
นอกจากนี้ ยังมีเหล่าบรรดานักเรียนพยาบาลทั้งสี่เหล่าทัพ รวมทั้งลูกเสือ เนตรนารี และประชาชนที่เป็นจิตอาสา นำน้ำดื่ม อาหาร และยาเวชภัณฑ์มาแจกจ่ายให้กับประชาชน ในส่วนการดูแลรักษาความเรียบร้อยและปลอดภัยของประชาชน ที่เดินทางเข้ามาถวายบังคมพระบรมศพนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดคัดกรองตามจุดต่างๆ บริเวณทางเข้าสนามหลวง 8 จุด อาทิ แยกท่าพระจันทร์ แยกท่าช้าง หน้าหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน และที่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ผู้ที่เข้ามาภายในสนามหลวงทุกคน จะต้องถูกตรวจค้นสัมภาระ ค้นร่างกาย รวมทั้งตรวจบัตรประชาชน อย่างละเอียด ส่วนนักท่องเที่ยวจะต้องถูกตรวจพาสปอร์ตเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีตำรวจม้า และสุนัขตำรวจคอยเดินลาดตระเวนตรวจตราโดยรอบพื้นที่อีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เป็นวันที่ 2 ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นำหนังสือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ หนังสือ 99 พระบรมราโชวาท น้อมนำราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุขศานต์ มาแจกให้กับประชาชนเพื่อนำไปเก็บเป็นที่ระลึกและน้อมนำคำสอนไปปฏิบัติ สำหรับบรรยากาศการแจกหนังสือทั้งสองเล่ม มีประชาชนจำนวนมาก จากทั่วทุกสารทิศต่างทยอยมารับหนังสือ ซี่งทางเจ้าหน้าที่ใช้วิธีการรับบัตรคิวเป็นรอบ โดยแถวการรับหนังสือยาวไปจนถึงภายนอกพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่เวลาก่อนเปิดรับหนังสือรอบแรก เมื่อเวลา 09.00 น.
นายสวัสดิ์ ตันติพันธุ์กุล อายุ 59 ปี ชาวนครนายก ข้าราชบำนาญ กล่าวว่า สำหรับพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านนั้น รู้สึกประทับใจในทุกพระราชกรณียกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การทำฝนหลวง” เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำได้ แต่พระองค์ท่านนั้นสามารถทำได้จริง การทำฝนหลวงได้นำศาสตร์ต่างๆ มาประยุกต์เข้าด้วยกัน เป็นความคิดที่เรียบง่ายและยังแฝงไปด้วยหลักวิทยาศาสตร์ที่ลึกซึ้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่พระองค์ท่านได้ทรงทำมาโดยตลอด
เนื่องจากตนได้ฟังข่าวจากทางวิทยุ จึงรู้สึกสนใจและมีความต้องการที่จะรับหนังสือ เนื่องจากภายในหนังสือมีภาพบรมฉายาลักษณ์ที่หาชมได้ยาก และมีพระบรมราโชวาท จึงอยากเก็บหนังสือทั้งสองเล่มเพื่อให้ลูกหลาน โดยตนเดินทางมารอเข้าแถวตั้งแต่ช่วงเช้า
นางจำปี โพธิจักร อายุ 67 ปี กล่าวว่า ตนพร้อมคณะเพื่อนรวม 12 คน เดินทางโดยเหมารถตู้มาจากอ.สอยดาว จ.จันทบุรี ออกจากบ้านเมื่อ 00.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา และถึงบริเวณพระบรมมหาราชวัง 04.00 น. เพื่อรอเข้าถวายบังคมพระบรมศพพระองค์ท่าน กระทั่ง 12.00 น. ถึงได้เข้าไปในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เมื่อได้กราบลงหน้าพระบรมโกศ รู้สึกปลาบปลื้ม ปนเสียใจ ถ้าแลกชีวิตตนได้ก็ขอแลก
นางจำปี กล่าวต่อด้วยเสียงสั่นเครือว่า ตนนำรูปพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ท่านรูปล่าสุด ขนาด 20×24 นิ้ว มาด้วย เป็นรูปใส่กรอบทอง โดยถือติดไว้กับตัวตลอดเวลา ปกติตนจะสอนลูกหลานให้เก็บพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ท่านทุกรูป รวมถึงปฏิทินทุกปี ก็เก็บไว้เป็นอย่างดี
“ถึงแม้จะต่อคิวนานและถือรูปใหญ่ตลอดเวลา แต่ป้าก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ลำบากเพื่อพระองค์ท่านวันเดียว ยังไม่เพียงพอกับที่พระองค์ท่านทำให้พวกเรา คงหาพระมหากษัตริย์แบบพระองค์ท่านไม่ได้อีกแล้ว จากนี้ไปป้าจะเป็นคนดี ทำตามคำสอนพระองค์ท่าน และสอนลูกหลานให้เป็นคนดีต่อไป” นางจำปี กล่าวด้วยน้ำตาคลอ