เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ในช่วงบ่ายแม้แสดงแดดจะแผดร้อน แต่ประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาคยังคงเดินทางมาต่อคิวเพื่อรอเข้าถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง แม้จะเป็นวันที่เปิดทำงานตามปกติและอากาศร้อนอบอ้าว แต่แถวยังยาวถึงฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา เจ้าหน้าที่นำเต็นท์มาตั้งบริเวณฝั่งทิศเหนือ เพื่อให้บริการประชาชน และเป็นจุดพักคอยระหว่างต่อแถวรอเข้าถวายบังคมพระบรมศพ พร้อมกับใช้ลูกบอลลูนเป็นจุดแสดงว่าท้ายแถวอยู่บริเวณใด เพื่อสะดวกในการมองเห็นและสามารถเข้าคิวได้โดยง่าย โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และกลุ่มอาสาสมัครคอยจัดคิวอำนวยความสะดวก
นอกจากนี้ นักเรียนพยาบาลทั้งสี่เหล่าทัพ รวมทั้งลูกเสือ เนตรนารี และประชาชนที่เป็นจิตอาสา นำน้ำดื่ม อาหาร และยาเวชภัณฑ์มาแจกจ่ายประชาชน ในส่วนการดูแลรักษาความเรียบร้อยและปลอดภัยของประชาชนที่เดินทางเข้ามาถวายสักการะพระบรมศพนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้ตั้งจุดคัดกรองตามจุดต่างๆ บริเวณทางเข้าสนามหลวง 8 จุด อาทิ แยกท่าพระจันทร์ แยกท่าช้าง หน้าหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน และที่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ เพื่อตรวจค้นสัมภาระ ร่างกาย รวมทั้งตรวจบัตรประชาชนอย่างละเอียด ส่วนนักท่องเที่ยวจะถูกตรวจพาสปอร์ตเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีตำรวจม้า และสุนัขตำรวจเดินลาดตระเวนตรวจตราโดยรอบพื้นที่อย่างเข้มงวดอีกด้วย
ขณะที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ยังคงแจกหนังสือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และหนังสือ 99 พระบรมราโชวาท น้อมนำราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุขศานต์ โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ เดินทางมาเข้าคิวรับหนังสือและชมนิทรรศการเป็นจำนวนมาก ต่างบอกว่าจะนำไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะในหนังสือมีพระบรมฉายาลักษณ์มงคลหายาก อีกทั้งจะน้อมนำพระราชดำรัสในหนังสือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต โดยตั้งแต่ช่วงเช้าท้ายแถวยาวไปจนถึงภายนอกพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าว
เวลา 10.00 น. บริเวณด้านหลังกระทรวงกลาโหม ทหารช่างค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี จำนวน 70 นาย ได้รื้อถอนสะพานแบริ่งข้ามคลองคูเมืองเดิม ฝั่งตรงข้ามกระทรวงมหาดไทย ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีผู้ใช้น้อย ผู้บังคับบัญชาหารือร่วมกับกอร.รส.แล้วมีคำสั่งให้เคลื่อนย้ายสะพานดังกล่าวนำไปติดตั้งให้ประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาบริเวณท้องสนามหลวงใช้ข้ามคลองหลอดใกล้กับสะพานผ่านพิภพลีลาศ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีประชาชนเดินทางมาอย่างคับคั่ง การเข้าออกอาจจะเป็นปัญหาเนื่องจากมีสะพานแบริ่งเพียงสะพานเดียว จึงทำการรื้อถอดสะพานแบริ่งที่ติดตั้งบริเวณด้านหลังกระทรวงกลาโหม นำไปให้บริการกับประชาชนต่อไป และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ต่อมาเวลา 11.30 น.ที่เต็นท์กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตย์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวหลังจากประชุมร่วมว่า ในการประชุมหารือร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 1 และกอร.รส.มีมติเห็นชอบในที่ประชุมว่า เห็นสมควรให้ทำงานเคลื่อนย้ายสะพานด้านหลังกระทรวงกลาโหม ฝั่งสะพานช้างโรงสี ไปติดตั้งไว้บริเวณฝั่งโรงแรมรอยัลรัตนโกสินทร์ เนื่องจากบริเวณนั้นมีทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และมีสะพานแบริ่งข้ามคลองเพียงสะพานเดียว ทำให้มีความจำเป็นต้องย้ายสะพานด้านหลังกระทรวงกลาโหมมารองรับบริเวณดังกล่าว โดยกำหนดให้ดำเนินการเสร็จสิ้นภายในวันที่ 17 พ.ย. เพื่อความสะดวกสบายของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาบริเวณท้องสนามหลวง
รองแม่ทัพภาคที่ 1กล่าวต่อว่า ในส่วนของการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการติดตั้งเต็นท์ฝั่งทิศเหนือแล้วนั้น ขณะนี้มีความเห็นในที่ประชุมว่าจะต้องดำเนินการติดตั้งเครื่องระบายอากาศ ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ และปรับปรุงในส่วนของห้องสุขาเคลื่อนที่ หน่วยงานแพทย์ จะต้องเอื้ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงนั้นยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดในด้านความปลอดภัย ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งให้ดูแลประชาชนที่จะเข้ามาถวายสักการะพระบรมศพอย่างเต็มที่ โดยภาพรวมทั้งหมดนั้นถือว่าเป็นไปอย่างเรียบร้อย
พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดกิจกรรมพิเศษบริเวณท้องสนามหลวงในวันที่ 22 พ.ย.นั้น จะจัดตั้งอนุกรรมการเพื่อพิจารณากิจกรรมต่างๆ ตามความเหมาะสมและจะนำเสนอต่อศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) เพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ กิจกรรมพิเศษต่างจะต้องเอื้อประโยชน์ และไม่เป็นการขัดขวางประชาชนในการเข้าถวายบังคมพระบรมศพ
ด้าน พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ขณะนี้กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) เตรียมจัดเตรียมพื้นที่สนามหลวงฝั่งใต้ (ติดพระบรมมหาราชวัง) เฉพาะบนพื้นสนามหญ้าเท่านั้น เพื่อใช้ในการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยกรมศิลปากร จึงต้องทำการย้ายจุดพักคอย ศูนย์ประสานงาน ศูนย์แพทย์เคลื่อนที่กองทัพบก มายังสนามหลวงฝั่งเหนือ (สะพาสมเด็จพระปิ่นเกล้า) ทั้งหมด อีกทั้งตามทางเดินโดยรอบยังคงเป็นจุดพักคอยตามปกติ โดยได้จัดเตรียมเต็นท์ที่จุได้ 100 คน ประมาณ 76 หลัง และเต๊นท์ที่ตุคนได้ 200 คน ประมาณ 35 หลัง รวมทั้งหมดรองรับประชาชนได้ 14,600 คน
พล.ต.วุฒิชัย นาควานิช ผบ.พล.ร. 9 เปิดเผยว่า ได้รับคำสั่งกอร.รส. ให้ย้ายสะพานจากจุดเดิมมาอยู่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากเข้าและออกพื้นที่สนามหลวงตรงนี้เป็นหลัก จึงให้มาเสริมกัน คาดว่าจะเสร็จไม่เกินพรุ่งนี้เช้า
