เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 17 พ.ย. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ คุณพลอยไพลิน เจนเซน และคุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล สวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ 35 ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมศพ ทรงกราบ

s__14696521

จากนั้นทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร เป็นพระพุทธรูปประทับยืนแบบสมภังค์แสดงปางห้ามญาติ หรืออภัยมุทราด้วยพระหัตถ์ขวาเพียงข้างเดียว ที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร แล้วถวายภัตตาหารแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่คืนวันที่ 16 พ.ย.

s__14696519

ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล ทรงเป็นประธานถวายภัตตาหารเพล แด่พระพิธีธรรมจากวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร

s__14696522

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันที่ 17 ที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ประชาชนเข้าถวายบังคม พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อย เดินทางมาเฝ้ารอต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ในเวลา 05.00 น. จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี

s__14696523

ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนต่างยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา หลายคนเมื่อถวายบังคมเสร็จแล้วก็ร้องไห้ออกมาด้วยความอาลัย และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

s__14696524

สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.00 น. ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 33,657 คน รวม 19 วันมี 564,242 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,558,391.75 บาท รวม 19 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 38,896,776.50 บาท

s__14696526

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชมรมคนรักในหลวง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จำนวน 47 คน เดินทางมาเข้าคิวเข้าถวายบังคมพระบรมศพตั้งแต่ตี 4 นำโดย นายทีระพล อะทัยทิพวรรณ อายุ 60 ปี ประธานชมรม กล่าวว่า ได้ตั้งชมรมขึ้นเมื่อปี 2556 เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 300 คน หลากหลายวัย โดยมีเยาวชนอายุตั้งแต่ 15-25 ปี เป็นเด็กๆ ในหมู่บ้านที่จะมาร่วมเป็นจิตอาสาดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการ พร้อมกับใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

นายทีระพล อะทัยทิพวรรณ อายุ 60 ปี

นายทีระพล อะทัยทิพวรรณ อายุ 60 ปี

นายทีระพล กล่าวด้วยว่า ในหลวง ร.9 เคยเสด็จเยือน อ.ละหานทราย ของเรา ตอนนั้นตนยังหนุ่ม ยังไม่รู้ว่าท่านมาทำอะไร ได้ยินแต่ปู่ย่าเล่าให้ฟังว่า ท่านลงมาสอนอาชีพในคนในหมู่บ้าน เมื่อโตขึ้นมาตนก็เข้าใจได้ว่า ท่านมาทรงงานให้ชาวบ้านได้อยู่ดีมีอาชีพ จนคนในอำเภอของเราสามารถเลี้ยงตัวเองได้ด้วยการทอเสื่อด้วยกก ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาดูงานอีกครั้งเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยได้ทูลเกล้าฯ ถวายที่ใส่ไม้จิ้มฟัน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของชมรม ทรงสนพระทัยและรับซื้อไว้ทั้งหมด สร้างความปลื้มปีติแก่พวกเราเป็นอย่างยิ่ง

s__14696531

นายทีระพล กล่าวด้วยว่า แม้ว่าในหลวง ร.9 จะไม่อยู่แล้ว แต่ชมรมคนรักในหลวงจะยังอยู่ต่อไปอย่างเข้มแข็ง ด้วยความรักที่มีต่อพระองค์ และพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหมด จะดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระองค์ท่าน และขยายต่อให้สมาชิกอย่างที่ไม่มีวันสิ้นสุด

นางรัตนา รัตน์มโนสกุล และสามี

นางรัตนา รัตน์มโนสกุล และสามี

ด้านนางรัตนา รัตน์มโนสกุล วัย 54 ปี เดินทางมาพร้อมสามีและชาวบ้านในละแวกเดียว ปัจจุบันประกอบอาชีพทำไร่ทำสวนใน ต.พลิ้ว อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี กล่าวว่า วันนี้รู้สึกปลื้มปีติมากที่ได้เข้ามากราบพระบรมศพ ตนมีความตั้งใจออกเดินทางมาตั้งแต่ 22.00 น. ของเมื่อคืน แล้วมารอคิวที่ท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลา 02.00 น. เพื่อให้เข้าถวายสักการะพระบรมศพในช่วงเช้า

นายรัฎฎิการ์ เตชะพิริยานนท์ และนางแพททริเซีย คัว ชาวสิงคโปร์

นายรัฎฎิการ์ เตชะพิริยานนท์ และนางแพททริเซีย คัว ชาวสิงคโปร์(คนซ้าย)

“ความจริงแล้วในหลวงร.9 ท่านทรงเสด็จฯ ไปทั่วทุกหนแห่งของประเทศไทย แม้ในจ.จันทรบุรี ท่านก็เคยเสด็จฯมา ตนทราบว่าท่านมีโครงการพระราชดำริหลายอย่าง แต่สิ่งที่สามารถนำมาใช้ได้จริงก็เรื่องความพอเพียง อยู่แบบพอเพียง ทั้งนี้ อยากจะบอกว่าไม่ว่าจะเกิดชาติไหนขอเกิดเป็นลูกของพ่อหลวงอีก” นางรัตนา กล่าว

นายรัฎฎิการ์ เตชะพิริยานนท์ อายุ 34 ปี สาวประเภทสอง ซึ่งสวมชุดไทยจิตรลดาสุภาพ เดินทางมาพร้อมเพื่อนสาวชาวสิงค์โปร์ที่มีหัวใจรักประเทศไทยอย่างแท้จริง นางแพททริเซีย คัว ทนายความสาววัย 49 ปี กล่าวว่า พระราชพิธีนี้เป็นพระราชพิธีที่สำคัญที่อยากมาสัมผัสกับตัวเอง สำหรับความรู้สึกนั้นไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ เพราะอย่างน้อยตนก็รู้สึกดีใจที่เกิดมาในแผ่นดินไทย ผืนแผ่นดินที่มีแต่ความรักและอบอุ่น เปี่ยมไปด้วยมหากรุณาธิคุณต่อทุกเพศสภาพ ทั้งนี้ ตนอยากบอกคนไทยว่า เราทุกคนต่างโชคดีที่เกิดมาในรัชกาลที่ 9 เพราะไม่มีพระมหากษัตริย์ทรงงานหนักได้ถึง 70 ปี

ส่วนนางแพทริเซีย กล่าวว่า ตนได้เดินทางมาเมืองไทยบ่อยครั้ง และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น แม้จะเป็นคนสิงค์โปร์แต่ก็ได้รักในความเป็นไทยมาก จนเรียนภาษาไทยที่สิงค์โปร์และเป็นทนายความที่ช่วยลูกความที่เป็นคนไทยอาศัยอยู่ในสิงค์โปร์อีกด้วย หลังจากทราบข่าวในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคตแล้ว ตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะรู้สึกผูกพันธ์กับเมืองไทย อยากบอกคนไทยว่าให้เดินหน้าต่อไป อย่าย่อท้อ เพราะอดีตผ่านไปแล้วแต่ปัจจุบันก็ต้องดำเนินต่อไป และตนก็พร้อมจะช่วยเหลือคนไทยเสมอ

ที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาแสดงความอาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำอาหาร ขนม ผลไม้ ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน

สำหรับเมนูอาหารพระราชทานแจกจ่ายประชาชนประจำวันที่ 17 พ.ย. ประกอบด้วยมื้อเช้าเวลา 07.00 น. ข้าวต้มทะเล 1,500 ถ้วย นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวัน 11.00 น. ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น 5,000 ชาม เฉาก๊วย 1,500 ถ้วย ขนมตาล 1,000 กล่อง ขนมไทย 300 ชุด มื้อบ่ายเวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง ข้าวเหนียวหมู-ไก่ 1,000 ชุด เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ถุง มื้อเย็นเวลา 18.00 น. ผัดไทยเสวย 1,000 จาน ข้าวราดแกงส้มกุง ไข่ยางมะตูม1,000 จาน ขณะเดียวกันมีน้ำดื่มสมุนไพร 500 ลิตร และน้ำดื่มจิตรลดาให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน

ส่วนเต็นท์ที่ 11 เยื้องกับโรงแรมรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงห่วงใยในพสกนิกรที่เดินทางมาถวายบังคม พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีรับสั่งให้มีหน่วยแพทย์พระราชทาน มาดูแลสุขภาพประชาชนเป็นประจำทุกวัน ต่อเนื่องจนครบ 100 วัน ระหว่างเวลา 08.00-20.00 น.

สำหรับวันนี้มีเจ้าที่แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยแพทย์ เทคนิคการแพทย์ เภสัช ผู้ช่วยเภสัช และนักจิตวิทยา จากโรงพยาบาลวิชัยยุทธ และโรงพยาบาลปทุมธานี รวมทั้งสิ้น 24 คน โดยให้การดูแลรักษาตรวจโรคเบื้องต้น รวมถึงการปฐมพยาบาลอุบัติเหตุเล็กน้อย ซึ่งเจ้าหน้าทุกคนที่มาปฏิบัติงานล้วนเป็นเหล่าจิตอาสา ที่สละเวลาในวันหยุดมาคอยบริการดูแลสุขภาพประชาชน

สำหรับการให้การรักษาประชาชน ทีมแพทย์-พยาบาลพระราชทาน เผยว่า ส่วนใหญ่มีอาการเป็นหวัด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ วิงเวียนเป็นลม และระบบทางเดินอาหาร รวมถึงวันนี้ได้มีนักจิตวิทยามาให้คำปรึกษาเป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีประชาชนที่เข้าข่ายต้องได้รับคำแนะนำจากนักจิตวิทยาด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน