ศาลอาญายกฟ้อง “ครูแขก” ผู้ต้องหาระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ไม่ผิดซุกระเบิด ชี้โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นเหตุการณ์ ด้านทนายเตรียมคัดคำพิพากษาประกอบคำร้องยื่นปล่อยชั่วคราวคดีระเบิด ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 พ.ย. ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.4237/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส. อัมพร ใจก้อน หรือครูแขก อายุ 56 ปี ชาวเชียงใหม่ เป็นจำเลย ในความผิดฐานมีวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง และกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2590 มาตรา 4, 38 และ 74

ตามฟ้องอัยการโจทก์วันที่ 24 ธันวาคม 57 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างต้นเดือนมิถุนายน 53 – 5 ตุลาคม 53 จำเลยกับพวกซึ่งเป็นแนวร่วมหรือเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง มีเจตนาร่วมกันมีวัตถุระเบิด ประกอบด้วย วัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง จำนวน 5 ลูก (ถัง) ที่ประกอบเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่องโดยใช้วงจรตั้งเวลา 1 สัปดาห์ ประกอบกับวัตถุระเบิดแรงต่ำ (Low Explsive) ชนิดดินเทาและยูเรีย น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม

ซึ่งเป็นวัตถุระเบิดหลักบรรจุไว้ในถังดับเพลิง และถังน้ำยาแอร์ และมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครองครองได้ และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบด้วย ปืนเล็กกล (AK47) ขนาด 7.62 มม. RUSSIAN เลขประจำปืน 601098 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวอีกจำนวน 129 นัด เหตุเกิด สมานเมตตาแมนชั่น ที่ ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จ.นนทบุรี ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ซึ่งระหว่างการพิจารณาได้รับการปล่อยชั่วคราว โดยศาลตีราคาประกัน 2 แสนบาท แต่นางอัมพร จำเลย ยังถูกดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ฐานทำให้เกิดระเบิดอีก 1 สำนวน ซึ่งไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขัง ดังนั้น นางอัมพรจึงถูกขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี

วันนี้ศาลได้เบิกตัวจำเลยมาเพื่อฟังคำพิพากษาในคดีนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุในฟ้อง มีคนร้ายได้ร่วมกันมีวัตถุระเบิดและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่ โดยฝ่ายโจทก์มีนายตำรวจ 2 ราย เป็นพยานโจทก์เบิกความเกี่ยวกับข้อเท็จจริงว่า เมื่อช่วงปี 2553 ได้เกิดเหตุที่สมานเมตตาแมนชั่นและมีผู้เสียชีวิต

โดยโจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายเบิกความถึงการสอบสวน ด้วยการไปสังเกตการณ์ในที่เกิดเหตุ ขณะที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจ แต่โจทก์ไม่มีพยานที่รู้เห็นขณะเกิดเหตุ และก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้เห็นจำเลยได้ร่วมนำวัตถุระเบิดไปไว้ในห้องเกิดเหตุ ซึ่งข้อเท็จจริงที่ได้จากผู้ดูแลอพาร์เม้นท์ก็ระบุเพียงว่า ได้ดูแลอาคารโกมลอพาร์ทเม้นท์ ที่ให้เช่าเท่านั้น แต่ไม่ได้ดูแลอาคารสมานเมตตาแมนชั่น พยานโจทก์ที่นำสืบมาจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ ประกอบกับจำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามโจทก์ฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษายกฟ้อง นางอัมพร จำเลยถึงกับร้องไห้ และได้พูดคุยกับสามีชาวต่างชาติ ที่มาให้กำลังใจด้วย ภายหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัว นางอัมพรกลับไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี นางอัมพรได้ตะโกนตอบนักข่าวว่า “สบายดีค่า กำลังใจดี ไม่ต้องเป็นห่วง”

ด้านน.ส.เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความของ นางอัมพร กล่าวว่า ในวันนี้ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ไม่ได้มีพยานหลักฐานว่า จำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุและร่วมกระทำความผิดด้วย แต่จำเลยยังถูกขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี ในคดีร่วมกันทำให้เกิดเหตุระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย และพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน บริเวณถนนราษฎร์อุทิศ เขตมีนบุรี เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 57 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย

โดยหลังจากนี้จะคัดสำเนาคำพิพากษาของศาลอาญาไปประกอบคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลย ในคดีดังกล่าวที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ในวันที่ 23 พฤศจิกายน หลังจากที่ศาลจังหวัดมีนบุรี เคยยกคำร้องปล่อยชั่วคราวนางอัมพรระหว่างฝากขังครั้งที่ 4 หลังถูกจับกุมเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง แต่เมื่อศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องคดี ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกัน จึงคิดว่าคำพิพากษาศาลอาญา อาจเป็นเหตุผลประกอบในการยื่นประกันตัวได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน