เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายบรรยากาศช่วงบ่ายว่า มีพสกนิกรเดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด แต่ทุกคนยังคงพร้อมใจต่อคิวเพื่อเข้าถวายบังคมพระบรมศพด้วยใจที่มุ่งมั่น
นายสมนึก ชมภูพวง วัย 63 ปี พร้อมด้วยลูกชายอีก 2 คน ด.ช.อาทิตย์ ชมภูพวง วัย 14 ปี ลูกชายคนโต และด.ช.อาทิตย์ ชมภูพวง วัย 11 ปี ลูกชายคนเล็ก ซึ่งเป็นนักมวยเยาวชนไทยที่ชกชนะ “มาเซียจ เฮอร์บิช” นักชกโปแลนด์ ได้เหรียญทองศึกมวยสมัครเล่นและกึ่งอาชีพนานาชาติ ประจำปี 2559 รุ่นอายุไม่เกิน 10-11 ปี เปิดเผยว่า ลูกชายตั้งปณิธานว่าจะวิ่งจากลพบุรีมาถวายสักการะพระบรมศพ จากนั้นชักชวนตนให้วิ่งมาด้วย ตนก็ได้ออกวิ่งจากบ้านตั้งแต่เวลา 09.00 ของวันที่ 14 พ.ย. รวมระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ระหว่างทางได้แวะพักบ้างไม่กี่ชั่วโมง แล้วก็ออกวิ่งต่อจนมาถึงกองอำนวยการร่วมในรังสิต ประมาณเวลา 12.00 น.ของวันนี้
“ผมเคยรับเสด็จในหลวง ร.9 พร้อมกับครอบครัว ครั้งยังเป็นหนุ่ม ซึ่งขณะนั้นท่านไปเยี่ยมประชาชน จนตอนนี้ผมมีครอบครัวจึงอยากจะทำอะไรเพื่อท่านบ้าง รวมถึงบุตรชายเองเป็นนักมวยได้เหรียญทองจากเวทีการแข่งขันกีฬามวยไทยชิงแชมป์โลก 2559 มีความตั้งใจที่นำเหรียญนี้เข้าทูลเกล้าฯ ถวายพระองค์ตั้งแต่พระองค์ยังอยู่ แต่พระองค์เสด็จสวรรคตเสียก่อน บุตรชายจึงไม่มีโอกาส อย่างไรก็ตามวันนี้จะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเหรียญรางวัลนี้ถวายแด่ในหลวง รัชกาล 9 ต่อไป” นายสมนึก กล่าว
ด้านด.ช.อาทิตย์ ชมภูพวง อายุ 14 ปี เปิดเผยว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งผมและน้องเคยเดินทางมาแล้วครั้งหนึ่งกับพี่มนัส บุญจำนงค์ ฮีโร่เหรียญทองมวยโอลิมปิก แต่ตอนนั้นยังไม่มีโอกาสเข้าสักการะพระบรมศพ ครั้งนี้จึงตั้งใจชักชวนพ่อมาด้วย ซึ่งพ่อพิการที่ขาและได้เดินมาด้วยไม้เท้า ระหว่างทางได้พักบ้างตามศาลาข้างทาง โดยติดธงชาติมาตลอดเพื่อระลึกถึงชาติไทย และเป็นการวิ่งเพื่อถวายแด่ในหลวง ร.9
ด.ช.อาทิตย์ กล่าวด้วยสีหน้าอ่อนล้าแต่เต็มไปด้วยความตื้นตันใจว่า ผมไม่ได้รู้สึกเหนื่อย แต่จะปวดที่หัวเข่า ด้วยความตั้งใจที่วิ่งมาถึงพระบรมมหาราชวัง และนึกถึงว่าในหลวง ร.9 ทรงทำเพื่อคนไทยมายาวนาน จึงเดินทางมาถึงตามที่ตั้งใจ แม้จะไม่มีโอกาสรับเสด็จ แต่ทราบจากพระราชกรณียกิจต่างๆว่าทรงทำเพื่อคนไทยมากมาย
ขณะที่ ด.ช.อัครชัย ชมภูพวง อายุ 11 ปี เจ้าของเหรียญทองในการแข่งขันกีฬามวยไทยชิงแชมป์โลก 2559 รุ่นอายุ 10-11 ปี กล่าวว่า อยากทดแทนบุญคุณในหลวง ร.9 ที่ทรงทำเพื่อคนไทยและราษฏรให้อยู่ดีกินดี โดยผมจะใช้ความเพียรตามหลักทศพิธราชธรรมของพระองค์ท่าน ในการเล่นกีฬาต่อยมวย โดยมีความฝันอยากเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเย็นยังคงมีประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาค เดินทางมาต่อคิวเพื่อรอเข้าถวายบังคมพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และกลุ่มอาสาสมัครคอยจัดคิวอำนวยความสะดวก
ในส่วนของการดูแลรักษาความปลอดภัย ได้เพิ่มตำรวจและนักศึกษาวิชาทหารเข้ามาประจำจุดคัดกรองทั้ง 8 จุดรอบท้องสนามหลวง เพื่อทำการตรวจกระเป๋าสัมภาระและร่างกายผู้ที่จะเดินทางเข้าบริเวณท้องสนามหลวง ทั้งนี้ ยังได้เพิ่มช่องทางในการเข้าจุดคัดกรองเพิ่มเป็น 3 เส้นทาง คือ จุดคัดกรองด้านท่าช่าง จุดคัดกรองด้านถนนพระจันทร์ และจุดคัดกรองด้านโรงแรมรัตนโกสินทร์เพื่อลดความแออัดของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า คณะอาจารย์และนักเรียนระดับชั้นป.4-ม.3 จากโรงเรียนเซนต์ยอเซฟ ยานนาวา กว่า 200 คนเดินทางมาเข้าถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
นายวันชัย พงษ์สุวรรณ อาจารย์ฝ่ายบริหารงานทั่วไปประจำโรงเรียนเซนต์ยอเซฟ ยานนาวา กล่าวว่า นำคณะอาจารย์และนักเรียนมาถึงบริเวณท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลา 07.45 น. และได้เจ้าไปกราบพระบรมศพในเวลา 16.00 น. โดยใช้เวลาในการต่อแถวเพื่อเข้าไปภายในพระบรมมหาราชวังกว่า 7 ชั่วโมง แต่นักเรียนทุกคนที่มาในวันนี้ต่างไม่รู้สึกเป็นอุปสรรค เพราะนักเรียนมีความตั้งใจจริงที่จะเข้าถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
“ในการนำนักเรียนมาในวันนี้ จุดประสงค์ของเราคือต้องการให้เด็กๆ ได้ตระหนักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประทานให้กับชาวไทย จริงแล้วเราตั้งใจจะให้เด็กได้ซึบซับและได้เห็นว่าคนไทยมีจิตอาลัยและรักพระองค์ท่านอย่างมาก เด็กจะได้เห็นภาพที่ประชาชนรอต่อแถวเพื่อเข้ากราบสักการะ เด็กจะได้รับรู้ถึงพระราชกรณียกิจต่างๆ ผ่านจอโปรเจคเตอร์ ทั้งหมดก็เหมือนการนำนักเรียนมาทัศนะศึกษา เพียงแต่ครั้งนี้พิเศษกว่าคือเด็กๆ ได้เข้าไปกราบพระบรมศพพระองค์ท่าน” นายวันชัย กล่าว
ด้านน.ส.วีริสา ขุนทอง อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนเซนต์ยอเซฟ ยานนาวา กล่าวภายหลังเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ว่า รับรู้เรื่องราวการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช จากหนังสือพระราชกรณียกิจและจากข่าวสาร จึงเกิดความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อทางโรงเรียนแจ้งว่า จะมีการนำนักเรียนมาเข้าถวายบังคมพระบรมศพ ตนจึงตัดสินใจเข้าร่วมทันที เพราะถือว่าเป็นครั้งหนึ่งและครั้งเดียวที่จะได้ทำดีเพื่อในหลวงรัชกาลที่ 9
“มันเป็นความปลาบปลื้มและเสียใจในเวลาเดียวกัน แม้ว่าไม่เคยได้ใกล้ชิดพระองค์ขนาดนี้ แต่ครั้งนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว จากนี้ไปจะขอยึดคำสอนของพระองค์ท่าน ในเรื่องของการรู้จักหน้าที่ เพราะหนูยังเป็นนักเรียน ก็จะขอทำหน้าที่ตรงนี้ตามคำสอนและจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต” น.ส.วีริสา กล่าว
