จากกรณีนายดอน แดงจันติ๊บ อายุ 34 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สุทธิสาร ทั้งหมด 7 นาย ทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ระหว่างการเข้าจับกุมขณะเล่นพนันไฮโล เหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 181 ชุมชนรุ่งเรืองตอนปลาย ซอย 2 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ซอยรุ่งเรือง แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว ตร.ให้เมียรอผลชันสูตรศพผัวถูกรุมดับ ยันหากจนท.ผิดจริงอาจโดนข้อหาทำร้ายร่างกายให้ตาย
คืบหน้า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 19 พ.ย. ที่สน.สุทธิสาร พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร รอง ผบก.น.2 กล่าวว่า ด้านร.ต.ท.ธีรพล หงษ์ศรี รองสว. (สอบสวน) สน.สุทธิสาร ซึ่งเป็นเจ้าของคดีได้รับรายงานผลการชันสูตรพลิกศพจากทางสถาบันนิติเวชรพ.ตร. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ซึ่งระบุว่านายดอนเสียชีวิตเนื่องจากระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว โดยผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจอยู่แล้ว ซึ่งระหว่างที่ชุดสืบสวนสน.สุทธิสาร เข้าจับกุมนั้นนายดอน มีการขัดขืนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งไล่ตามก่อนเกิดการชุลมุนขัดขืน ทั้งนี้ นายดอนพยายามวิ่งหลบหนีถึง 2 ครั้ง จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันจับตัวกดลงกับพื้นเนื่องจากมีรูปร่างใหญ่ ซึ่งเป็นปรากฏเหตุการณ์ตามภาพจากกล้องวงจรปิด นอกจากนี้ ชุดจับกุมได้พยายามช่วยกันปั๊มหัวใจ และให้ความช่วยเหลือแต่ก็ไม่เป็นผลจนเกิดเหตุสลดดังกล่าว
พ.ต.อ.คมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมรวม 7 นาย ในข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุก 3-15 ปี โดยสาเหตุที่ถูกแจ้งข้อหานั้น เป็นเพราะถึงแม้ว่าผลการชันสูตรจะระบุว่า เป็นเพราะระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว แต่ที่มาที่ไปเกิดจากการกระทำของทางเจ้าหน้าที่จนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น ซึ่งเบื้องต้นตำรวจทั้ง 7 นาย ให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา พร้อมระบุว่าไม่มีใครทราบว่านายดอนมีโรคประจำตัว และไม่มีใครที่มีเจตนาต้องการให้เหตุร้ายดังกล่าวเกิดขึ้น
โดยหลังแจ้งข้อหาแก่เจ้าพนักงานทั้งหมด ได้มีคำสั่งสลับสับเปลี่ยนหน้าที่ให้ย้ายไปทำงานด้านธุรการและอำนวยการแทน โดยให้ตัดขาดจากหน้าที่งานสืบสวน ซึ่งพ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผกก.สน.สุทธิสาร ต้องทำรายงานไปยังพ.ต.อ.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รรท.ผบก.น.2 เพื่อชี้แจงเหตุที่เกิดขึ้นและการแจ้งข้อหาตำรวจทั้ง 7 นาย เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นให้พักราชการหรือไม่ นอกจากนี้ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าตำรวจทั้ง 7 นาย กระทำความผิดชัดเจนหรือไม่ ต้องให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายและศาลในการตัดสินต่อไป
