เมื่อเวลา 12.27 น. วันที่ 13 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง ตร.ที่317/2561 โดย พ.ต.ท.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ พนักงานสอบสวน นำตัว พ.ต.ท.สันธนะ มาถึงศาลอาญาเพื่อยื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรก พนักงานสอบสวนเตรียมคำร้องมา 8 คำร้องตามหมายจับ เเต่นำคำร้องทั้งหมดไปเเก้ไขรวมเป็นคำร้องเดียว

โดยระบุพฤติการณ์สรุปว่า ตั้งเเต่ช่วงเวลา เมษายน 2559-เมษายน ปี 2561 ต่อเนื่องกัน ผู้ต้องหากับพวกรวม 11 คนได้ร่วมกันเรียก เก็บเงินเป็นรายเดือน จากผู้ค้าเครื่องสำอางค์อาหารเสริมบำรุงสุขภาพในตลาดใหม่ดอนเมือง ร้านละ 1,000-3,000 บาท โดยผู้ต้องหาจะเเบ่งหน้าที่กันทำ เรียกเก็บเงินช่วงปลายเดือนของทุกเดือน มีการเรียกเก็บค่าจอดรถยนตร์เดือนละ 700 บาท ค่าจอดรถจักรยานยนต์เดือนละ 300 บาท มีพฤติกรรมเป็นการข่มขู่คุกคามผู้ขาย จนทำให้เกิดความว่าจะเกิดอันตรายหากไม่ยอมจ่ายเงินดังกล่าว

จากการสอบสวนขณะนี้มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 9 คดี เเละมีคดีที่ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.สันธนะ 8 คดี การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานร่วมกัน กรรโชกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 337 เหตุเกิดที่ตลาดใหม่ดอนเมือง อาคาร เเอร์พอร์ต พลาซ่า เเขวงเเละเขตดอนเมือง กทม.

กระทั่งวันที่ 12 พ.ค. เจ้าพนักงานตำรวจร่วมกันจับกุมผู้ต้องหานี้ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1015/2561 ลงวันที่ 11 พ.ค.61 ข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ได้ที่บ้านพักบิดาย่านถนนเรียบด่วนรามอินทรา

ชั้นจับกุมเเละชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อหา

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนจะต้องทำการสอบสวนพยานบุคคลเพิ่มเติมอีก 50 ปาก รอผลตรวจสอบพิมรายนิ้วมือ เเละประวัติการต้องโทษผู้ต้องจากกองทะเบียนประวัติอาชญกร ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้ 12 วันตั้งเเต่ 13-24 พ.ค.

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้มีการกระทำเป็นขบวนการมีผู้เสียหายจำนวนมากเเละทางการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามผู้เสียหายเเละพยาน ประกอบกับการตรวจสิบประวัติเบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหากับพวกเคยถูกจับกุมในความผิดฐานร่วมกันมีอวุธปืนเเละเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวพาไปในเมือง หมู่บ้านฯโดยไม่ได้รับอนุญาตเเละไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน เเละร่วมกันมีวิทยุโทรคมนาคมไว้ในครอบครอง

โดยในการจับกุมพบว่าผู้ต้องหากับพวกมีการครอบครองอาวุธปืนมากถึง 5 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนถึง 70 นัด อันมีลักษณะเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง หากศาลให้ประกันตัวเกรงว่า ผู้ต้องหาจะหลบหนี ทั้งผู้ต้องหามีการกระทำต่างกรรมต่างวาระกันหลายคดีมีผู้เสียหายมากกว่า 127 ราย ได้มาเเจ้งความดำเนินคดีไว้ ทั้งยังมีความผิดเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ที่เป็นข้อหาหนักเเละมีอัตราโทษสูง ซึ่งเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทั้งพยานเอกสารเเละพยานบุคคล จนพยานบุคคลเเละผู้เสียหายเกิดความเกรงกลัว เพราะเคยถูกกลุ่มผู้ต้องหาข่มขู่ ให้จ่ายเงิน

นอกจากนี้ ผู้ต้องหาเป็นหัวหน้ากลุ่มเเละมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 20 คน กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆผู้ต้องหาอาจสั่งการให้ลูกทีม ในพื้นที่ทำร้ายหรือข่มขู่ผู้เสียหายเเละพยานในคดีนี้ อันอาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายเเรงได้

รวมทั้งขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจค้นจับกุมบริเวณตลาดใหม่ดอนเมืองกลุ่มผู้ต้องหาก็ยังปลอมตัวเป็นสื่อมวลชนปะปนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเเสดงตนให้กลุ่มผู้เสียหายเเละพยานเห็นอย่สงเด่นชัดว่าผู้ต้องหากับพวกยังมีอำนาจเเละศักยภาพในการปฏิบัติการที่ก่อให้เกิดอันตราย ต่อผู้เสียหายเเละพยานได้ เเละปรามไม่ให้ผู้เสียหายเเละพยานให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอันเป็นอุปสรรคก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน หรือการดำเนินคดีในชั้นศาล อีกทั้งผู้ต้องหากับพวกได้ขัดขวางการปฏบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เเละเจ้าหน้าที่ของทางราชการอื่นๆ ดังนั้นการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวน ของเจ้าพนักงานหรือการดำเนินคดีในศาล

ศาลพิจารณาคำร้องเเล้วอนุญาตให้ฝากขัง พ.ต.ท.สันธนะ ผู้ต้องหาได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศในวันนี้ พ.ต.อ.พิเศษ สมชาย ประยูรรัตน์ บิดา เเละกลุ่มผู้ติดตาม ประมาณ 7-8 คน ซึ่งเป็นเพื่อนเเละผู้ติดตามของ พ.ต.ท.สันธนะ เดินทางมาเยี่ยมเเละให้กำลังใจ โดยพ.ต.อ.พิเศษ สมชาย ซึ่งอายุ 91 ปี นั่งรถวีเเชล มาพักรอผลการประกันตัวของลูกชายอยู่ที่งานประกันตัว

ต่อมานายอภิชาติ ครัวเชื้อ ทนายความ ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 3 เเสนบาทขอปล่อยชั่วคราว พ.ต.ท.สันธนะระหว่างฝากขัง ศาลพิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เเล้วมีคำสั่งอนุญาต ให้ พ.ต.ท.สันทนะ ประกันตัวไปโดยตีราคาประกัน 3 เเสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เเละห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นเเต่จะได้รับอนุญาตจากศาล เเละให้ผู้ต้องหารายงานตัวตอศาลในวันที่ 2 ก.ค. เวลา 09.00 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน