เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การเดินทางเข้าถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยในช่วงบ่ายยังคงมีพสกนิกรจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เดินทางมาต่อคิวเพื่อรอเข้าถวายบังคมพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะเป็นวันทำงานปกติท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่ประชาชนยังคงเดินทางมาอย่างไม่ขาดสาย โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เทศกิจและกลุ่มอาสาสมัครคอยจัดคิวอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กำหนดทางเข้าไปยังจุดพักคอยอย่างชัดเจน โดยนำแผงเหล็กมาปิดกั้นรอบเต็นท์บริการ เพื่อความเป็นระเบียบและลดความสับสนของประชาชนที่จะเดินเข้าออก นอกจากนี้ ยังมีอาหาร น้ำดื่มและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่คอยให้บริการแก่ประชาชน ซึ่งได้กำหนดจุดให้บริการไว้ทางฝั่งทิศเหนือของท้องสนามหลวงทั้งหมด เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการส่งมอบพื้นที่ให้กรมศิลปากรในการจัดสร้างพระเมรุมาศต่อไป
ในส่วนของการดูแลรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจและนักศึกษาวิชาทหาร (รด.) ยังปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดคัดกรองทั้ง 8 จุดรอบท้องสนามหลวงอย่างเข้มงวด เพื่อทำการตรวจค้นร่างกาย กระเป๋าสัมภาระ อาวุธและสิ่งผิดกฎหมาย รวมไปถึงตรวจบัตรประจำตัวประชาชน และหนังสือเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อปกป้องกลุ่มมิจฉาชีพที่อาจปะปนเข้ามา
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับการจัดระเบียบแถวประชาชนที่จะเข้าถวายบังคมพระบรมศพนั้น ทางเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่จัดคิวประจำบริเวณท้องสนามหลวง จะประสานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังในเรื่องของการปล่อยจำนวนประชาชนเข้าไปในแต่ละรอบ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความต้องการของเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง โดยปกติแล้วจะปล่อยให้ประชาชนเข้ารอบละ 400-500 คนต่อหนึ่งรอบ และยังคงใช้บัตรลาคิวชั่วคราวเป็นวันที่ 3 โดยสามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ประจำเต็นท์บริการด้านทิศเหนือ ในกรณีที่ประชาชนจะต้องลุกออกนอกแถวไปทำธุระส่วนตัว ซึ่งยังไม่พบปัญหาการลัดคิวหรือแทรกคิวแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 12.50 น. ที่เต็นท์กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต พร้อมนายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ กองอาสารักษาดินแดน กรมการปกครอง และพล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รรท.ผบช.น. แถลงผลหลังการประชุมร่วมถึงความพร้อมในการจัดพื้นที่เพื่อรองรับประชาชน และกล่าวถึงกรณีการแทรกคิวของประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด
พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ กล่าวว่า การจัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับประชาชนนั้น ขณะนี้คาดว่าพื้นที่บริเวณทิศเหนือของท้องสนามจะสามารถรองรับประชาชนได้ประมาณ 30,000 คน ในส่วนของการติดตั้งอุปกรณ์ระบายอากาศ พัดลมและสิ่งอำนวยความสะดวก ขณะนี้ทางกอร.รส.กำลังเร่งดำเนินการ ยอมรับว่าอาจล่าช้าไปบ้าง เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะสามารถบริหารจัดการได้ต้องรอในช่วงดึกหลังจากที่ระบายประชาชนของจากเต็นท์พักคอยทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะในช่วงเช้านั้นจะมีประชาชนหนาแน่นที่สุด ที่รอเข้าเฝ้ากราบสักการะพระบรมศพเฉลี่ยชั่วโมงละ 2,500 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องคอยอำนวยความสะดวกตลอดเวลา จึงทำให้การจัดการพื้นที่นั้นล่าช้าออกไป
“ผมอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนที่จะเดินทางมากราบพระบรมศพว่าให้ทยอยมา อย่ามาอัดแน่นเฉพาะช่วงเช้า ถ้าตามสถานการณ์แล้วนั้น ถ้ามาช่วงบ่ายโอกาสที่จะรอเข้าไปกราบพระบรมศพนั้นจะไม่ต้องรอนาน แม้ว่าเราจะได้เพิ่มเต็นท์ฝั่งทิศเหนือทั้งหมด 9 เต็นท์รับได้เต็นท์ 1,600 คน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จึงพยายามเพิ่มเต็นท์ให้เต็มพื้นที่ และเพิ่มเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้อย่างทั่วถึง แต่ก็ปลาบปลื้มใจอย่างมากที่เห็นพี่น้องคนไทยมีจิตใจภักดีต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และขอรับปากว่าจะทำให้ประชาชนมีความสะดวกสบายที่สุด” รองมทภ.1 กล่าว
สำหรับกรณีการลัดคิว แทรกคิวของประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดนั้น นายวรยุทธ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทางกระทรวงมหาดไทยได้รับผิดชอบประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดตั้งการให้บริการรถรับส่ง หาจุดพักรถระหว่างทางโดยประสานไปยังค่ายทหารต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ผ่อนคลายจากการเดินทาง กระทั่งมาถึงบริเวณท้องสนามหลวงทางเจ้าหน้าที่จะจัดระเบียบคิวตามปกติ
“รถบัสรับส่งคนแรกจะมาถึงสนามหลวงก่อนตีห้าครึ่ง และคันสุดท้ายจะไม่เกินเจ็ดโมงครึ่ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วน เมื่อมาถึงแล้วก็จะนำประชาชนไปที่เต็นท์พักคอย โดยเรียงตามลำดับก่อนหลัง ยืนยันว่าไม่มีเต็นท์พิเศษหรือจุดพิเศษ หรือการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด” นายวรยุทธ กล่าว
นายวรยุทธ กล่าวต่อว่า ในการที่ประชาชนจากต่างจังหวัดเดินทางมาบริเวณท้องสนามหลวงนั้น จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นเดินทางมาด้วย เนื่องจากต้องคอยดูแลและตรวจนับประชาชนว่าครบจำนวนหรือไม่ หากไม่มีเจ้าหน้าที่จะทำให้เกิดการพลัดหลงได้ ดังนั้น ข้าราชการที่เห็นว่าอยู่ร่วมกลุ่มกับประชาชนนั้น เป็นการมาคอยดูและและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ไม่ได้เป็นการใช้สิทธิ์พิเศษแต่ประการใด
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวแนะนำว่า สำหรับประชาชนที่จะเดินทางมาในช่วงเวลา 04.00 น.นั้น เจ้าหน้าที่จะเปิดประตูจุดคัดกรองเพียง 4 จุดคือ 1.บริเวณถนนพระจันทร์ 2.บริเวณถนนช้างโรงสี 3.บริเวณแยกรด. 4.บริเวณแยกผ่านพิภพลีลา หลังจากเวลา 05.00 น. เป็นต้นไป จะเปิดประตูจุดคัดกรองตามปกติ และขอฝากไปยังนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าชมวัดพระแก้ว ขอแนะนำว่าให้เลี่ยงประตูจุดคัดกรองบริเวณถนนพระจันทร์ และบริเวณแยกผ่านพิภพลีลา เนื่องมีประชาชนเข้าออกหนาแน่น หากเป็นไปได้ให้ใช้ประตูจุดคัดกรองด้านอื่นแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับกิจกรรมพิเศษร่วมพลังแห่งความภักดี ที่รัฐบาลได้ประกาศให้ทุกภาคส่วนของประเทศจัดกิจกรรมพร้อมกันนั้นในวันที่ 22 พ.ย. ทางกอร.รส.ยืนยันว่า จะดำเนินการตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี แต่จะไม่กำหนดจุดการทำกิจกรรม หากแต่ประชาชนสามรถร่วมกิจกรรมได้ขณะที่อยู่ในจุดพักคอยหรือเต็นท์บริการ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและการเสียคิว ซึ่งอาจจะเกิดความยุ่งยากในการจัดการ
