เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันที่ 26 ที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายบังคม พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเฝ้ารอเข้าแถวเพื่อถวายบังคมพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด
ซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ในเวลา 05.00 น. จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี โดยประชาชนที่มาถวายบังคมพระบรมศพ ต่างอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ ซึ่งหลังจากเข้าถวายบังคมพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
นายพรชัย หารศรี หมอดินจิตอาสาผู้พิการเดินไม่ได้จากอุบัติเหตุ แต่ตั้งใจเดินทางด้วยการเข็นวีลแชร์จากหมู่บ้านหนองกระทิง ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา มายังพระบรมหาราชวัง โดยมีลูกชายคอยช่วยเข็นและเดินทางเคียงข้างกันมาจนถึงจุดหมาย กล่าวว่า ตนเป็นจิตอาสาของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกรมประมง โดยเป็นวิทยากรเผยเเพร่ทฤษฎีการเกษตรที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงคิดและทำเพื่อประชาชน ซึ่งตนได้น้อมนำมาปฏิบัติด้วยตัวเองและให้ชาวบ้านได้มาศึกษา ทั้งการเกษตรอินทรีย์ปลูกพืชไร้สารเคมี การเลี้ยงปลานิลจิตรลดา ปลูกพืชสวนครัวตามแนวรั้ว การทำเกษตรผสมผสาน ปลูกพืชบำรุงดิน ปรัชญาหญ้าแฝก และทำปุ๋ยอินทรีย์
“พระองค์ทรงเป็นปราชญ์ในทุกด้าน ทรงคิดวิธีแก้ปัญหาทั้งเรื่องดินและน้ำของแต่ละชุมชนที่เสด็จพระราชดำเนินไป แม้ตอนนี้ชาวบ้านที่ผมสอนจะยังทำตามไม่ได้ทั้งหมด เพราะเกษตรอินทรีย์ต้องใช้เวลาและความอดทน หลายคนเริ่มจากการปลูกพืชผสมผสานแทรกตามสวนไร่ ปลูกผักสวนครัวกินกันเอง และทำสารปราบศัตรูพืชจากสะเดา และบอระเพ็ดหมัก แต่เชื่อว่าเมื่อเห็นผลของความพอเพียงก็จะเริ่มขยายทำเกษตรอินทรีย์กันเต็มตัวในอนาคต” นายพรชัยกล่าวและว่า ตนได้ตั้งใจปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ว่า จะขอนำปราชญ์เรื่องดินของพ่อ เผยแพร่ต่อชาวบ้านให้มีความสุขกับชีวิตเกษตรอินทรีย์แบบพอเพียงต่อไป
Advertisement
ด้านนายชัยวัฒน์ หารศรี อายุ 18 ปี ลูกชายนายพรชัย กล่าวว่า พ่อได้ชักชวนตนมาถวายบังคมพระบรมศพ ซึ่งตนอยากมาอยู่แล้ว เพราะเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ไม่เคยมีโอกาสเดินทางมายังกรุงเทพฯ ที่สำคัญคืออยากมาสักการะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แม้ตนจะเป็นเด็กต่างจังหวัด แต่ก็ทราบว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานหนัก พระองค์เดินทางไปทั่วทุกสารทิศของประเทศอย่างไม่หวั่น ตนจึงอยากทำอะไรเพื่อพระองค์บ้าง
น.ส.พราวมณี เหลืองงาม อายุ 18 ปี
“พ่อเคยอยากมาร่วมกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ เมื่อปี 2558 แต่มาไม่ได้ เพราะพ่อพิการ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุถูกรถสิบล้อทับขา จึงต้องนั่งวีลแชร์ตลอด เมื่อพ่อชวนว่าจะเดินทางไปถวายสักการะพระบรมศพด้วยการเดินเท้า ผมก็ดีใจมาก พวกเราออกเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. แม้จะเหนื่อยเพราะต้องเดินมา 3 วัน แต่พอมาถึงก็ดีใจมาก ที่ได้เข้าสักการะพระบรมศพ และอยากขอบคุณน้ำใจคนไทยที่ให้การช่วยเหลือผมและพ่อมาตลอดการเดินทาง” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ขณะที่น.ส.พราวมณี เหลืองงาม อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนตาลสุมพัฒนา จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ตนมากับรถที่โรงเรียนจัดไว้ให้ โดยออกเดินทางมาถึงประมาณ 05.00 น. รู้สึกดีใจมากที่ได้มาสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะคงไม่สามารถเดินทางมาเองได้ ตนเสียใจมากที่ทราบว่าพระองค์สวรรคต พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนา โดยทรงงานหนักเพื่อประชาชนมากมาย คนไทยทุกคนรวมถึงตนจะไม่ลืมพระองค์และมีความจงรักภักดีอยู่ในหัวใจ
“ครั้งหนึ่งหนูและเพื่อนที่โรงเรียนเคยร่วมกันรำถวายต่อหน้าพระพักตร์ ตอนที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปที่ จ.อุบลราชธานี ทำให้หนูรู้สึกประทับใจและปลาบปลื้มมาก จากการหาข้อมูลก็ทราบว่าพระองค์เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนอุบลราชธานีมากกว่า 10 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงน้ำพระทัยที่ยิ่งใหญ่ ที่ทรงไม่ลืมประชาชนเลย หนูได้อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย หนูจะน้อมนำคำสอนของพระองค์มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต” น.ส.พราวมณี กล่าวด้วยความตื้นตัน
ส่วนบริเวณท้องสนามหลวง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการจัดกิจกรรม “รวมพลังแห่งความภักดี” ตามแนวคิดของนายกรัฐมนตรี โดย พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริลักษณ์กุล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล1 และนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะ ผอ.ศูนย์ประสานงานอาสาสมัคร Volunteers For Dad
พร้อมด้วยข้าราชการทหาร ตำรวจ จิตอาสา และประชาชน ร่วมกันร้องเพลงชาติ กล่าวคำปฏิญาณและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี กันดังอย่างกึกก้องไปทั่วบริเวณ ผ่านการถ่ายทอดสัญญาณจากทำเนียบรัฐบาล ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมต่างนำพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาชูเหนือหัวเพื่อแสดงความจงรักภักดี ส่วนประชาชนที่อยู่ระหว่างเข้าคิวรอสักการะพระบรมศพ ทางเจ้าหน้าที่ให้ทำกิจกรรมภายในแถวของตัวเอง เมื่อเสร็จสิ้นการร้องเพลงแล้วก็ต่อคิวไปตามปกติ
พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ กล่าวหลังร่วมกิจกรรมว่า ในความรู้สึกของทหารนั้นได้เคยกล่าวปฏิญาณตนไปแล้ว ตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนวิชาทหาร แต่วันนี้ได้มากล่าวปฏิญาณตนร่วมกับประชาชน และเหล่าข้าราชการ จึงเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่เหมือนเป็นจิตวิญญาณ ของการแสดงพลังสร้างความสามัคคี สมดั่งพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่อยากให้คนไทยมีความรัก สามัคคี และร่วมกันพัฒนาชาติบ้านเมือง
รองแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวต่อว่า ด้านทาง กอร.รส. ได้หารือกับตำรวจ กทม. และศูนย์อาสาสมัครฯ ถึงปัญหาเรื่องของน้ำดื่ม แม้ว่าเราจะมีแจกจ่ายให้ประชาชนอย่างเพียงพอ แต่ว่าจากจำนวนประชาชนที่เข้ามาในพื้นที่สนามหลวง เฉลี่ยวันละ 100,000 คน ซึ่งหลายคนก็รับน้ำไป 2-3 ขวด แล้วดื่มไม่หมด อาจทำให้เกิดความขาดแคลนน้ำดื่ม และเกิดปัญหาขยะได้ จึงขอความร่วมมือให้ประชาชน ถ้าเตรียมภาชนะเติมน้ำดื่มได้ก็อยากให้เตรียมมา เพราะเรามีจุดเติมน้ำดื่มบริการให้ หรือถ้ารับน้ำดื่มแบบขวดแล้ว เมื่อดื่มหมดขอให้น้ำขวดกลับมาเติมใหม่ที่จุดบริการเติมน้ำดื่ม อย่างน้อยจะช่วยลดจำนวนขยะที่เกิดจากขวดน้ำ ทำให้มีขยะจากขวดน้ำ 1 คน ต่อ 1 ขวดเท่านั้น
ส่วนการบริหารการแถวของประชาชนที่มาถวายบังคมพระบรมศพ ยังมีความหนาแน่นในช่วงเช้า ยังคงต้องขอความร่วมมือกับประชาชนที่สามารถเดินทางมาได้ง่าย ให้เดินทางมาในช่วยบ่าย เหมือนวันธรรมดา เพราะตามสถิติที่เรามีจะพบว่า การเข้าคิวในช่วงบ่าย จะใช้เวลารอน้อยกว่ามาตั้งแต่เช้า ในส่วนกรณีที่มีประชาชนเดินทางมามากในพื้นที่สนามหลวงนั้น ทางกอร.รส.จะพยายามขยายพื้นที่ให้รองรับคนได้ 30,000 คน ซึ่งเราจะย้ายสิ่งอำนวยความสะดวกให้ประชาชนไปยังสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ
