เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ถ.แจ้งวัฒนะ ดีเจนุ้ย-ธนวัฒน์ ประสิทธ์สมพร พร้อมด้วย จิ๊บ-ชนม์นิภา วิเศษสุรนันท์ ผู้บริหาร บริษัท แอบโซลูท บาย จิ๊บ จำกัด เดินทางเข้าชี้แจงกับสคบ.ถึงกระแสข่าวผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีการแอบแฝงทำธุรกิจขายตรงหรือแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมีการพาดพิงบริษัท แอบโซลูทฯ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายตามที่มีการถกเถียงในสื่อออนไลน์ เป็นเหตุให้ผู้บริโภคมีความสับสนและเข้าใจผิด ส่งผลถึงภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ ได้ยื่นหนังสือต่อสคบ.เรียบร้อย ซึ่งได้รับผลการพิจารณาตอบกลับมาเพื่อชี้แจงต่อผู้บริโภค

น.ส.ชนม์นิภา กล่าวว่า เริ่มต้นคือตอนทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าที่ขายทางออนไลน์ ด้วยรูปแบบธุรกิจอาจทำให้มีหลายท่านข้องใจสงสัยว่ามันถูกต้องตามรูปแบบการทำธุรกิจทั่วไปที่ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ หรือขายตรงหรือไม่ อาจจมีคนร้องเรียนเข้ามาทำให้แบรนด์ออนไลน์ตื่นตัวที่จะเข้ามายื่นหารือว่ารูปแบบธุรกิจที่ทำเป็นแบบไหนกันแน่ ซึ่งทางบริษัท แอบโซลูทฯ ที่ตนทำกับดีเจนุ้ยก็ได้นำรูปแบบธุรกิจมาให้สคบ.ตรวจสอบ โดยยื่นตามขั้นตอนถูกต้องทุกอย่าง ตรวจทั้งวิธีการขาย การดูแลตัวแทนจำหน่าย

น.ส.ชนม์นิภา กล่าวต่อว่า จนวันนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่บริษัทของตนเป็นแบรนด์ออนไลน์แบรนด์แรกที่ได้รับการรับรองว่าเป็นธุรกิจค้าปลีกปกติ ไม่ใช่ธุรกิจขายตรงหรือแชร์ลูกโซ่ ตนมองว่านอกจากสินค้าจะต้องปลอดภัยและมีมาตรฐานการผลิตที่ดีแล้ว ทุกอย่างก็ต้องใสสะอาดด้วย ตนจึงเลือกที่จะเข้ามาให้สคบ.ช่วยตรวจสอบธุรกิจที่กำลังทำอยู่ ส่วนการใช้คำโฆษณาสินค้านั้น ทางบริษัทฯมีการอบรมตัวแทน บางทีด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจจะไม่รู้ว่าคำพูดหรือประโยคบางอันห้ามใช้ในการโฆษณา ซึ่งตอนนี้บริษัทฯได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมและปรับเปลี่ยนแก้ไข รวมถึงแจ้งตัวแทนจำหน่ายหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่มีข่าวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่างๆ ออกมาในทางลบ ส่งผลถึงธุรกิจที่กำลังทำหรือไม่ น.ส.ชนม์นิภา กล่าวว่า ธุรกิจของตนไม่ค่อยได้รับผลกระทบ เนื่องจากตัวแทนเชื่อมั่นอยู่แล้ว เพราะทำธุรกิจมานาน เพียงแค่ว่าตอนนี้ตนอยากให้ประชาชนข้างนอกได้เข้าใจให้ถูกต้องเท่านั้นเอง

ด้าน ดีเจนุ้ย กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่หน้าสิ่วหน้าขวาน สืบเนื่องจากกรณีของผลิตภัณฑ์ที่เป็นข่าวดังขึ้นมา น่าจะกระทบทุกอย่างของออนไลน์ทั้งหมด เพราะฉะนั้นตอนนี้คือทำยังไงก็ได้ให้แบรนด์ของตนได้รับการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่างให้ผู้บริโภคเข้าใจตรงกันว่าธุรกิจที่กำลังทำอยู่โปร่งใส อย่างที่น.ส.ชนม์นิภาได้บอกไปว่าธุรกิจของบริษัทฯ คือขายปลีก-ขายส่งทั่วไป จุดเริ่มต้นที่ทำให้ต้องมาที่สคบ. เนื่องจากมีคนตั้งข้อสงสัยว่าธุรกิจที่ทำเป็นรูปแบบไหนกันแน่ ซึ่งเมื่อได้รับการรับรองจากสคบ.แล้ว เชื่อว่าผู้บริโภคทุกคนคงจะเข้าใจตรงกัน

ดีเจนุ้ย กล่าวต่อว่า จริงๆ แล้วการทำธุรกิจต้องดูให้รอบด้านมากๆ ตนโชคดีที่ได้มาทำธุรกิจกับน.ส.ชนม์นิภา เพราะเป็นคนที่ค่อนข้างละเอียดในเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่บังเอิญว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังเพ่งเล็งและจับจ้องมาที่แบรนด์ออนไลน์มากเป็นกรณีพิเศษ ฉะนั้นจึงรีบทำทุกอย่างให้โปร่งใสโดยเร็วที่สุด

“สิ่งที่นุ้ยกลัวที่สุดคือการกระทบต่อชื่อเสียงของตัวเอง เพราะว่าทำมาหากินอยู่ในวงการนี้ ตั้งแต่แรกที่เริ่มทำแบรนด์นี้ก็เลือกเอาเลยว่าจะทำกับใคร ซึ่งพอเป็นจิ๊บก็สบายใจ บวกกับตัวเองพอจะมีความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจมาบ้าง แล้วต้องบอกเลยว่าตั้งแต่ที่มีข่าวออกมานุ้ยรู้สึกสบายใจที่สุดแล้วในวงการ ด้วยความที่มันถูกต้องตั้งแต่เริ่ม ถ้าเริ่มนับหนึ่งถูกต่อไปมันก็ถูกหมด” ดีเจนุ้ย กล่าว

ขณะที่ พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า หากผู้ประกอบธุรกิจขายของออนไลน์ที่ไม่มั่นใจในรูปแบบธุรกิจว่ามีลักษณะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ สามารถนำมาให้ สคบ.ตรวจสอบ ร่วมถึงข้อความโฆษณาเพื่อไม่ให้เกิดการโฆษณาเกินจริง ซึ่งขณะนี้ ทาง สคบ.ได้รับแจ้งจากผู้บริโภคว่ามีสินค้าเกี่ยวกับเสริมอาการ และความสวย ความงาม มีผู้ร้องกว่า 150 ราย โดยเฉพาะกลุ่มอาหารเสริมผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก

พล.ต.ต.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มผู้ที่แอบอ้างในการจำหน่ายสินค้า สคบ.ได้ดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว พร้อมฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ รวมถคงหากพบพฤติกรมมการเข้าตรวจสอบสินค้าของเจ้าหน้าที่ลักษณะผิดปกติมีการยึด อายัดสินค้า หรือเรียกรับเงินใด ให้ถ่ายภาพคลิปวิดีโอแล้วแจ้งมายัง สคบ. ทางสายด่วน สคบ.1166 ได้ทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน