เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 พ.ค. ที่สน.นางเลิ้ง พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผกก.สน.นางเลิ้ง พ.ต.ท.สุทธิโรจน์ จารุสินธุพงศ์ รองผกก.สส.สน.นางเลิ้ง
พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.น. แถลงข่าวจับกุม
ร่วมกันแถลงจับกุมนายธนธรณ์ วัฒนพรจิรา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 416 ถนนลูกหลวง แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายฉลาด หนองขุ่นสาร อายุ 50 ปี พนักงาน รปภ. ขณะนั่งอยู่หน้าร้านขายของชำเลขที่ 298/1 ซอยพิษณุโลกซอย 3 แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 พ.ค. เวลาประมาณ 01.20 น. ที่ผ่านมา
ทำแผนฯ นาทีตบหน้าลุงยาม
พล.ต.ต.สมพงษ์ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 01.20 น. วันที่ 8 พ.ค. ขณะที่นายฉลาด กำลังนั่งดื่มสุราอยู่คนเดียว ที่หน้าร้านขายของชำ ในซอยพิษณุโลกซอย 3 นายธนธรณ์ซึ่งเดินมาจากภายในซอยพิษณุโลกซอย 3 ได้เข้ามาทำร้ายโดยได้ใช้ศอกและหมัด ตี-ชกใส่ใบหน้านายฉลาดหลายครั้ง จนล้มลงไปนอนบนเก้าอี้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนเดินผละออกไป ต่อมานายธนธรณ์เดินวกกลับมามองนายฉลาดอีกรอบก่อนจะเดินหนีเข้าไปภายในซอยพิษณุโลกซอย 3 โดยมีคลิปวีดีโอจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้
นาทีสับศอกใส่เต็มๆหน้า
“จากการตรวจสอบประวัตินายธนธรณ์ พบว่าเคยถูกดำเนินคดีร่วมกันลักทรัพย์ ในพื้นที่สน.นางเลิ้ง เมื่อปี’48 คดีการพนันปี’56 และคดีเสพยาเสพติดในปี’57 เบื้องต้นนายธนธรณ์ให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์)โดยผิดกฏหมาย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายธนธรณ์ไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ดำเนินคดีตามกฎหมาย” รองผบช.น. กล่าว
ด้านนายธนธรณ์ รับสารภาพว่าเป็นผู้ทำร้ายร่างกายนายฉลาด ตามที่ปรากฎในคลิปวิดีโอดังกล่าวจริง เนื่องจากเมาสุราและยาเสพติด “เขาพูดขู่ผมว่าจะให้หลานมาเล่นผม ผมจึงได้เข้าไปทำร้ายร่างกายเขา” โจ๋หัวร้อน กล่าว
ขณะที่นายฉลองนำกระเช้าดอกไม้มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอบคุณที่จับตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเปิดเผยว่า ไม่เคยรู้จักนายธนธรณ์มาก่อน เพียงแค่รู้ว่าอาศัยอยู่แถววัดเท่านั้น
“ผมไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน วันนั้นจำเหตุการณ์ไม่ค่อยได้เนื่องจากดื่มสุราเข้าไปเยอะ” ลุงยาม กล่าว
