วันที่ 28 พ.ค. ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ 2 ฉบับ ฉบับแรกเป็นข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 18 แห่งพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ตามที่ประกาศให้เขตพื้นที่อ.เบตง จ.ยะลา เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 28 พ.ค. 2561 ถึงวันที่ 30 พ.ย. 2561 และมอบให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) เป็นผู้รับผิดชอบนั้น เพื่อป้องกัน ควบคุมและแก้ไขเหตุการณ์ให้เรียบร้อย และเกิดประสิทธิภาพ ครม.จึงเห็นชอบออกข้อกำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการตามที่กอ.รมน.กำหนด ห้ามบุคคลใดเข้าออกจากพื้นที่ อาคารหรือสถานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของกอ.รมน. ห้ามบุคคลใดออกนอกเคหสถานในเวลาที่กำหนด ห้ามนำอาวุธออกนอกเคหสถาน ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ หรือต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้วันที่ 28 พ.ค.2561-30 พ.ย.2561

ฉบับที่ 2 เป็น ประกาศเรื่อง กำหนดลักษณะความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่มีบทบัญญัติให้ในเขตพื้นที่อ.เบตง จ.ยะลา เป็นพื้นที่กระทบต่อความมั่นคง ทั้งนี้ เพื่อให้โอกาสแก่ผู้กระทำความผิดนั้นกลับตัวเพื่อประโยชน์ต่อการรักษาความมั่นคง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 21 แห่งพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ ครม.จึงมีมติเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2561 ผู้ต้องหาที่กระทำความผิดที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในเขตพื้นที่อ.เบตง กลับใจเข้ามอบตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกรณีที่พนักงานสอบสวนได้สอบสวนแล้วปรากฏว่าผู้ต้องหาได้กระทำไปเพราะหลงผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ให้ใช้มาตรา 21 กับผู้ต้องหานั้นได้เฉพาะเมื่อปรากฏว่า การกระทำความผิดนั้นกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เกิดภายในเขตพื้นที่อ.เบตง โดยเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาว่าได้กระทำความผิดกลับตัวจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความมั่นคง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน