เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 27 พ.ย. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินวัง พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 45 ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงกราบหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ หลังจากนั้นทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร จากนั้นถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิไปหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่คืนวันที่ 26 พ.ย.โดยมี ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล, ม.ล.อยุทธ์ ไชยันต์ และม.ร.ว.สวัสดิวุฒิ สวัสดิวัตน์ ร่วมในพระราชพิธี
จากนั้นในเวลา 11.00 น. ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ทรงเป็นประธานในการบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจากวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ มีราชสกุลยุคล ราชสกุลเกษมสันต์ และราชสกุลเทวกุล ร่วมในพระราชพิธี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันที่ 30 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อย เดินทางมาต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ โดยในเวลา 04.30 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
วันเดียวกันนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.10 น. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 45,259 คน รวม 29 วัน มี 954,467 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,347,404.25 บาท รวม 29 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 72,424,239 บาท
นางจารีพร หวั่นเซ่ง และคณะครูโรงเรียนบ้านสุไหงโกลก
นางจารีพร หวั่นเซ่ง ครูประจำชั้นป.2 โรงเรียนบ้านสุไหงโกลก อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า นำคุณครู นักเรียน เจ้าหน้าที่ รวมถึงแม่บ้านและภารโรง รวมทั้งหมด 47 คน เพื่อมาสักการะพระบรมศพในหลวง ร.9 โดยออกเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. ด้วยรถตู้นำคณะเยี่ยมชมโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ อ.บ่อยาง จ.เพชรบุรี ก่อนแล้วจึงเดินทางมาสนามหลวง และเข้าคิวเพื่อเข้าสักการะตามความที่ตั้งใจ
ด.ช.คงพญา ชูตระกูล นักเรียนชั้นป.6 ร.ร.บ้านสุไหงโกลก
นางจารีพร กล่าวด้วยว่า ตนรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก เพราะแม้โรงเรียนจะอยู่ไกลใต้สุดสยาม แต่ทางโรงเรียนก็นำโครงการพระราชดำริมาประยุกต์ในหลักสูตร ได้แก่ การปลูกผักสวนครัว เลี้ยงไก่เบตงซึ่งเป็นพันธุ์ไก่หายากจากทางใต้ ส่วนหนึ่งก็นำมาประกอบเป็นอาหารกลางวัน รวมถึงโครงการต้นไม้ของฉัน คือให้นักเรียนนำต้นไม้มาปลูกในโรงเรียน และให้ดูแลรักษา ดั่งพระราชดำริของในหลวง ร.9 ซึ่งนักเรียนทุกคนอยากเรียนรู้และสนใจในโครงการต่างๆ ทั้งนี้ อยากจะบอกปวงชนชาวไทยว่า อยากให้นำคำสอนของในหลวง ร.9 มาใช้ให้เกิดจนเป็นนิสัย ไม่ใช่นำมาใช้ตามกระแส
ด.ช.คงพญา ชูตระกูล นักเรียนชั้นป.6 จากร.ร.บ้านสุไหงโกลก กล่าวว่า ตนรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะผมไม่เคยเห็นพระบรมมหาราชวังมาก่อน แม่ยังสอนตนด้วยว่าให้ปฎิบัติตัวตามในหลวง ร.9 ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ได้ร่วมเดินทางมาร่วมสักการะพระบรมศพ และมั่นใจว่าจะเป็นเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหาษัตริย์ตลอดไป
ส่วนที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน
ประกอบด้วย มื้อเช้าเวลา 07.00 น. ข้าวต้มเป็ด 1,500 ถ้วย กาแฟสด-แซนด์วิช 5,000 ชุด นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวันเวลา 11.00 น. เกี๊ยวซ่า 1,000 กล่อง บะหมี่ลูกชิ้นปลา 1,000 ชาม เค้กกล้วยหอม 400 ชิ้น ไก่สามรสราดข้าว 1,000 จาน ไก่กระเทียมทอด 1,000 จาน มาม่าผัด 1,500 จาน มื้อบ่ายเวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง ข้าวเหนียวหมูทอด-ไก่ทอด 1,000 เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ถุง มื้อเย็นเวลา 18.00 น. ผัดไทย 1,500 จาน และข้าวหมกไก่ 1,500 จาน ขณะเดียวกันมีน้ำดื่มสมุนไพร 500 ลิตร และน้ำดื่มจิตรลดาให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน โดยมีนักเรียนทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ร่วมบริการอาหาร น้ำดื่มให้กับประชาชน
น.ส.ธิดารัตน์ แก้วเนตร อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะครุศาสตร์ เอกภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร หนึ่งในนักเรียนทุนการศึกษาพระราชทานฯ เล่าว่า ได้รับทุนพระราชทานตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.4 ที่ โรงเรียนวชิรปราการ จ.กำแพงเพชร นับเป็นโอกาสสำคัญที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงหยิบยื่นให้ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจึงพยายามเรียนให้ดี ยกระดับความรู้ความสามารถตัวเองให้สมกับโอกาสที่ได้รับมา
น.ส.ธิดารัตน์ กล่าวด้วยว่า จะบำเพ็ญตัวเป็นประโยชน์ของสังคม สร้างสังคมให้มีความสุข อย่างการมาร่วมเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารให้กับประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ แม้เดินทางมาตั้งแต่ 02.00 น. ของวันที่ 26 พ.ย. แต่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ดีใจที่อย่างน้อยได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำความดีถวายให้กับพ่อหลวง นอกจากนี้ พระราชดำรัสของในหลวงทรงเคยที่รับสั่งไว้ว่า “ขอฝากเด็ก ๆ ด้วยนะ ช่วยสอนให้เขาเป็นคนดี” ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองอยากเป็นครูสร้างอนาคตที่ดีให้กับสังคมด้วย
