จากการกรณีเฟซบุ๊กเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้โพสต์ข้อความเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนายสายัณห์ แสงสุข อดีตหนุ่มทหารเกณฑ์ ซึ่งตกเป็นแพะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.คันนายาว จับกุมคดียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 170 เม็ด และถูกจำคุกอยู่กว่า 7 เดือน ถูกจับกุมเมื่อเดือนมีนาคม 2559 ก่อนศาลจะตัดสินยกฟ้องเนื่องจากหลักฐานเอกสารของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักฐานเลื่อนลอย

198871

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 พ.ย. ที่สน.คันนายาว นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมนายสายัณห์ แสงสุข เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร รอง ผบก.น.2 และพ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในการรื้อฟื้นคดี และเอาผิดกับพนักงานชุดจับกุมพร้อมพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าว

นายสายัณห์ กล่าวว่า ตนได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.คันนายาวจับเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2559 ที่บ้านในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในข้อหาจำหน่ายยาเสพติด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวมาฝากขังไว้ที่สน.คันนายาว 2 คืน ก่อนที่จะส่งเข้าเรือนจำเป็นเวลากว่า 7 เดือน และให้เหตุผลว่า ตนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดียาเสพติด เนื่องจากเมื่อปี 2551 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สังกัดจับรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยซอยสุขาภิบาล 5 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าจำได้ว่าคนร้ายคือตน ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะปี 2551 ตนยังเกณฑ์ทหารอยู่ที่จังหวัดราชบุรี พร้อมทั้งยังมีใบหนังสือรับรองจากกรมมายืนเป็นหลักฐานอีกด้วย

ด้านพ.ต.อ.สิงห์ กล่าวว่า จากการสืบสวนข้อเท็จจริงคดีดังกล่าวพบยาบ้าของกลางพร้อมรถจักรยานยนต์จริง จากการตรวจสอบพบว่านายสายัณห์ มีความเกี่ยวข้องเป็นสามีของพี่สาวเจ้าของรถและในวันที่เกิดเหตุซอยสุขาภิบาล 5 ด.ต.สังวาลย์ ยืนยันว่าได้ขับรถสวนทางในลักษณะประจันหน้ากับผู้ต้องหาซึ่งรถของตนเองเปิดไฟ รถของผู้ต้องหาปิดไฟในระยะ 1 เมตร จึงเห็นรูปพรรณได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัว น.ส.พัชกาญ อดีตภรรยาของนายสายัณห์มาสอบปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ซึ่งให้การเป็นประโยชน์มาก จากการสอบปากคำน.ส.พัชกาญให้การว่านายสายัณห์ได้หลบหนีทหารมาอยู่กับตนเป็นเวลา 1 ปีเศษ ซึ่งนายสายัณห์เคยมีพฤติกรรมขโมยของในบ้านของตนมาแล้ว แต่ทางครอบครัวไม่อยากเอาเรื่อง สำหรับเรื่องรถคันก่อเหตุเป็นของน.ส.วราภรณ์จริงแต่ไม่ทราบว่าในวันเกิดเหตุใครเป็นคนขี่รถคันดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน