เมื่อวันที่ 29 พ.ย. พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล ทรงเป็นประธานบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรม พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ 47 ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมศพ ทรงกราบหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ จากนั้นทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร แล้วถวายภัตตาหารแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 28 พ.ย.
ต่อมาเวลา 11.00 น. ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ทรงเป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม จำนวน 8 รูป จากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และ วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันที่ 32 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อย เดินทางมาต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ โดยในเวลา 04.50 น.เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ก่อนเปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ เมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
วันเดียวกันนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 22.10 น. จากกำหนดเดิมที่ต้องปิดในเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนมาเข้าคิวรอเข้ากราบพระบรมศพ ที่มณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 48,384 คน เมื่อรวม 31 วัน มีจำนวนทั้งหมด 1,043,546 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,872,098 บาท รวม 31 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 79,459,776.50 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาแสดงความอาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำอาหาร ขนม ผลไม้ ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายประชาชน
สำหรับเมนูอาหารพระราชทานแจกจ่ายประชาชนประจำวันที่ 28 พ.ย. ประกอบด้วย มื้อเช้าเวลา 07.00 น. ข้าวต้มปลา 1,500 ถ้วย กาแฟบาริสต้า 2,000 แก้ว นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวัน เวลา 11.00 น. สปาเกสตี้ 4,000 จาน นมสด 1,500 ขวด ขนมขบเคี้ยว 2,000 ห่อ และอมยิ้ม จำนวนหนึ่ง มื้อบ่าย 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง ซาลาเปาหมูแดง-หมูสับ 1,000 ลูก เฉาก๋วยชากังราว 1,000 ถุง เย็นเวลา 18.00 น. ข้าวญี่ปุ่นหมูกระเทียม 2,000 จาน ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ 2,000 จาน ขณะเดียวกันมีน้ำดื่มจิตรลดา น้ำสมุนไพร 700 ลิตร ให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กองงานในพระองค์ฯ แจ้งว่า สำหรับวันที่ 1-2 ธ.ค. ที่งดการเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) ทางเต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ จะงดแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่ม และเปิดให้บริการแจกจ่ายอาหารพร้อมน้ำดื่มแก่ประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพได้ตามเดิมตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. เป็นต้นไป
นายเดเทลฟ คามิเยอร์ อายุ 76 ปี
นายเดเทลฟ คามิเยอร์ อายุ 76 ปี ชาวเยอรมัน ศาสตราจารย์ด้านการวางแผนพัฒนาชนบท จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) เปิดเผยว่า การเดินทางมาสักการะพระบรมศพเป็นความเคารพต่อในหลวง ร.9 ดังที่คนไทยเคารพ และตนก็ได้เห็นว่าคนไทยพร้อมใจกันมาต่อคิวเพื่อเข้าสักการะมากจริงๆ ตนไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน และเชื่อว่าไม่มีประเทศไหนเป็นแบบนี้
น.ส.สุมินตรา วรฉันท์ นักเรียนชั้น ม.4
นายเดเทลฟ กล่าวด้วยว่า ตนอยู่เมืองไทยมาเกือบ 50 ปี ได้อาศัยประเทศไทยมาตั้งแต่ต่างชาติ ยังเรียกประเทศไทยว่าประเทศที่ยังไม่พัฒนา แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยโชคดีมาก ที่ในหลวง ร.9 ทรงเป็นกษัตริย์ทรงทำเรื่องพัฒนาประเทศได้อย่างก้าวหน้าไปมาก ทั้งเรื่องน้ำและดิน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของประชาชนตามชนบท รวมถึงสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งที่พระองค์ทำจะให้บรรยายคงไม่ไหว เพราะมากมายเหลือเกิน และตนก็ดีใจที่ได้อยู่ประเทศไทย
ขณะที่ น.ส.สุมินตรา วรฉันท์ นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จ.ระยอง เดินทางมาพร้อมคณะครูและนักเรียนชั้นเดียวกัน รวม 120 คน มาต่อแถวตั้งแต่ตีห้าและได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพ ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เผยความรู้สึกว่า แม้ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ง่วงบ้าง แต่ไม่มีความเหนื่อยล้าเลย พอได้เข้าถวายสักการะรู้สึกภูมิใจเพราะเป็นความตั้งใจที่สักครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องมา ทั้งนี้ตนไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์ แต่ได้รับการบอกเล่าว่าพระองค์เสด็จฯ มาเยี่ยมราษฎรที่ จ.ระยอง 2 ครั้ง ไม่ต่างจากจังหวัดอื่นๆ ที่ก่อเกิดโครงการพระราชดำริต่างๆ เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้อยู่ดีกินดี
“ชื่นชอบโครงการปลูกหญ้าแฝกมาก เพราะคุณย่าเป็นคนลำปาง ได้นำหลักด้านการเกษตรนี้มาใช้ เพื่อลดปัญหาฝนและน้ำเซาะหน้าดินเสียหาย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ตั้งใจจะปฏิบัติตนเป็นคนดี โดยเริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่าง การทิ้งขยะให้ถูกที่ไม่มักง่าย” น.ส.สุมินตรา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่สำนักพระราชวังอนุญาตให้ราชสกุลทุกมหาสาขา นำพวงมาลาเข้าถวายราชสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ภายในเต็นท์ด้านทิศตะวันออกของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.เป็นต้นมา ภายหลังเสร็จสิ้นพระราชบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) ระหว่างวันที่ 27-28 ต.ค. ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้มีราชสกุลนำพวงมาลาเข้าถวายสักการะบริเวณจุดที่จัดไว้ให้แล้ว ประกอบด้วย
ราชสกุลลดาวัลย์ ราชสกุลสิงหรา ราชสกุลชยางกูร ราชสกุลวรวรรณ ราชสกุลศุขสวัสดิ ราชสกุลฉัตรกุล ราชสกุลชุมสาย ราชสกุลสุประดิษฐ์ ราชสกุลพนมวัน ราชสกุลประวิตร ราชสกุลนพวงศ์ ราชสกุลชุมพล ราชสกุลศิริวงศ์ ราชสกุลดิศกุล ราชสกุลสวัสดิกุล ราชสกุลเทพหัสดิน ราชสกุลไชยันต์ ราชสกุลเกษมสันต์ ราชสกุลเพ็ญพัฒน์ ราชสกุลกัลยาณวงศ์ ราชสกุลชุมสาย ราชสกุลทินกร ราชสกุลสายสนั่น ราชสกุลกมลาศน์ ราชสกุลจันทรทัต
