ทช.รื้อเรดซีรีสอร์ต หาดเบนซ์ 18 ไร่ ออกโฉนดโดยมิชอบ ถมทะเลเป็นแนวยาวเกือบ 200 เมตร ทำคลื่นกัดเซาะรุนแรง รองอธิบดีทช.ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯเพชรบุรี อธิบดีกรมที่ดินขอให้เพิกถอนโฉนดก่อนสั่งรื้อทันที

201611291616593-20110713160843

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่สถานีพัฒนาทรัพยากรทางทะเลที่ 6 (เพชรบุรี) ต.บางขุนไทร อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) พร้อมด้วยนายรัชชัย พรพา หัวหน้าชุดปฏิบัติการฉลามขาว พล.ท.สุพจน์ ถนอมบุญ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จ.เพชรบุรี พล.ต.ท.มานัส ขันคีรีวัฒน์ รองสารวัตรสืบสวน สภ.ท่าไม้รวก ช่วยราชการชุดป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตำรวจภูธรภาค 7 และกำลังเจ้าหน้าที่ ทช. กอ.อมน. ตำรวจ กว่า 50 นาย

201611291616502-20110713160843

ร่วมประชุมเพื่อเปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าชายเลนในพื้นที่รับผิดชอบ ของส่วนบริหารจัดการป่าชายเลนที่ 3 โดยมีเป้าหมายที่ RED Z (เรด ซี) รีสอร์ท หาดเบนซ์ รีสอร์ตหรู ตั้งอยู่ ต.บางเก่า อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งอยู่ในเขตป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) พ.ศ.2530 และเป็นพื้นที่ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (เดิมใช้ ป.ป.ป.) มีมติให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนด ที่ดินดังกล่าว

นายศักดิ์ดา เปิดเผยว่า พื้นที่เรด ซี รีสอร์ท หาดเบนซ์ นั้นเป็นพื้นที่ที่มีโฉนด แต่ตั้งอยู่ในป่าชายเลนตามมติ ครม. 15 ธันวาคม 2530 กำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชายเลน แต่รีสอร์ทนี้ออกเอกสารสิทธิ์ ในปี 2534 ถือเป็นการออกเอกสารสิทธิ์หลังการประกาศตามมติครม.ให้เป็นป่าชายเลน ต่อมามีประชาชนร้องเรียนป.ป.ป. มีมติให้เพิกถอนในปี 2542 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการเพิกถอนแต่อย่างใด

จากนั้น นายศักดิ์ดา นำคณะเจ้าหน้าที่เดินทางด้วยรถยนต์ ไปยังเรด ซี รีสอร์ท หาดเบนซ์ พบว่าบริเวณด้านหน้ารีสอร์ท มีชาวบ้านประมาณ 100 คน มาสังเกตการณ์ เมื่อคณะเจ้าหน้าที่มาถึง กลุ่มชาวบ้านได้ไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และขอให้รื้อถอนรีสอร์ทดังกล่าวโดยเร็ว เพราะมีปัญหากับชาวบ้านมาโดยตลอด โดยนายอ้วน สะอาดดี ที่อ้างว่าเป็นผู้ดูแลรีสอร์ทดังกล่าว มาแสดงตัวว่าเป็นคนดูแล แต่เจ้าของตัวจริง คือนางอุไรรัตน์ ศักดิ์วรรณา จะเดินทางมาที่รีสอร์ทนี้ทุกวันหยุด

รองอธิบดีทช. จึงแจ้งว่า จะมาขอตรวจวัดพิกัดพื้นที่ว่ามีการบุกรุกเพิ่มเติมหรือไม่ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ไปรังวัด ทั้งนี้รีสอร์ทดังกล่าวเป็นอาคารตึก 5 หลัง มีทั้งหมด 16 ห้อง ด้านหลังรีสอร์ท ติดกับทะเล โดยบริเวณที่ติดกับทะเล ได้นำหินขนาดใหญ่มากั้นเป็นแนวป้องกันคลื่น คล้ายเขื่อนกันคลื่น ยาวประมาณ 200 เมตร ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบรังวัดนั้น มีนายสุรพงษ์ ลิ้มสุคนธ์ อ้างว่าเป็นเจ้าของของรีสอร์ท มาแสดงตัว พร้อมเข้าพูดคุยกับเจ้าหน้าที่

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนทำรีสอร์ทดังกล่าวและซื้อที่ดินแห่งนี้มา 30 ปี แล้ว โดยซื้อจากชาวบ้านในพื้นที่ ต่อมาขายให้คนรู้จัก ไม่ทราบเรื่องว่านำหินขนาดใหญ่มาถมในทะเล ในช่วงที่ตนอยู่นั้นทำเพียงกำแพงกั้นคลื่นไว้เท่านั้น ระหว่างที่ซื้อขายเปลี่ยนมือ ไม่ทราบว่าเจ้าของใหม่ดำเนินการอะไรไปบ้าง แต่คนที่ดำเนินการมีปัญหาโดนฟ้องร้อง ตนจึงมารับซื้อรีสอร์ทแห่งนี้คืน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในราคา 129 ล้าน พื้นที่รีสอร์ท มีทั้งสิ้น 18 ไร่ 3 งาน 65 ตาราวา ยินดีจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และจะทำให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเลย ว่าที่ดินที่ตนครอบครองถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา โฉนดดังกล่าวก็ไม่มีการตรวจสอบชัดเจน ทำให้การลงทุนบานปลายไปเรื่อย เริ่มจาก 10 ล้านบาท จนปัจจุบันบานปลายไปเกือบ 200 ล้านบาท ถ้าเอกสารที่ตนครอบครองไม่ถูกต้องจริง ตนก็พร้อมที่จะยุติ และพร้อมที่จะให้ราชการรื้อรีสอร์ทดังกล่าว

นายศักดิ์ดา กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น โฉนดแห่งนี้ เลขที่ 4825 หน้าสำรวจ 185 เนื้อที่ 18 ไร่ 3 งาน 65 ตารางวา ออกเป็นการเฉพาะรายให้แก่นายฉลาด ชลภาพ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2534 โดยอาศัยหลักฐานหนังสือ แสดงการทำประโยชน์ของนิคม สหกรณ์(กสน.5) เลขที่ 208/2534 ซึ่งออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากป.ป.ป. ในขณะนั้นได้สอบสวนแล้ว มีความเห็นว่า ที่ดินตามโฉนดดังกล่าว แต่เดิมเป็นทะเล หาดทรายชายทะเล และคลองบางส่วน อันเป็นที่สาธารณะประโยชน์ เป็นที่หวงห้ามตามประกาศราชการ

ประกอบกับที่ดินบางส่วน ไม่ได้อยู่ในเขตนิคมสหกรณ์ ชะอำ และได้มีการออกโฉนดที่ดิน ไม่ตรงตามแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมกสิกรรมในรูปสหกรณ์ ใน จ.เพชรบุรี พ.ศ.2499 จึงเป็นโฉนดที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ต่อมา ป.ป.ป.ได้เพิกถอนโฉนดในปี 2542 จากนั้นกรมที่ดิน ได้ตั้งกรรมการสอบสวนจามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ให้เพิกถอนที่ดินผืนดังกล่าวแล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่มีการเพิกถอน ดังนั้น ตนจะทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจ.เพชรบุรี และอธิบดีกรมที่ดินให้มีการเพิกถอนที่ดินผืนนี้

รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่า การที่รีสอร์ทดังกล่าวถมหินขนาดใหญ่ลงทะเล ถือเป็นการถมทะเลมีความผิด ทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่ง ด้านข้าง ทั้งซ้าย-ขวาของรีสอร์ท ด้านละ 60-70 เมตร ซึ่งถือว่าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเมื่อทำหนังสือถึงกรมที่ดินเรื่องการเพิกถอนแล้ว ตนจะรื้อรีสอร์ทดังกล่าวทันที เพื่อคืนชายหาดให้ประชาชน

ขณะที่ นายพายุ เอกวัตร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 กล่าวว่า รีสอร์ทดังกล่าวสร้างตั้งแต่ปี 2527 เดิมก่อนก่อสร้างรีสอร์ทเป็นพื้นที่ป่าสนสวยงาม ต่อมาเจ้าของสร้างกำแพงปิดล้อมชายหาดในรีสอร์ท โดยชาวบ้านต่อต้านมาตลอด แต่สู้นายทุนไม่ไหว ขณะที่น้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งรุนแรง ปัจจุบันน้ำเซาะชายฝั่งลึกเข้ามาประมาณ 50 เมตร ยาวตั้งแต่โตนดน้อยไปถึงหาดปึกเตียน ที่ผ่านมา เคยมีพระสงฆ์ นำชาวบ้านปลูกป่าสนกว่า 700 ต้น แต่ทนแรงน้ำทะเลเซาะไม่ไหว ล้มตายหมด รู้สึกดีใจมากที่ทช.เข้ามาดำเนินการรื้อรีสอร์ทให้ประชาชน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน