เมื่อเวลา 10.40 น.วันที่ 30 พ.ย. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รรท.รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รรท.ผบก.ส.4 พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รรท.ผบก.ป. พร้อมด้วยกำลังคอมมานโด ควบคุมตัวนายตาลมีซี โต๊ะตาหยง อายุ 31 ปี อยู่บ้านที่เลขที่ 129/3 หมู่ที่ 1 ต.ตะโล๊ะหะลอ อ.รามัน จ.นราธิวาส นายอับดุลาซิร สือกะจิ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หู่ที่3 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส และนายมูบารีห์ กะนา อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148/2 หมู่ที่ 1 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 2326-2328/2559 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้มีไว้ใช้ในครอบครอง, อั้งยี่, ซ่องโจร มาส่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ดำเนินคดี พร้อมกันนี้ได้มีแพทย์จากรพ.ตำรวจ มาตรวจร่างกายผู้ต้องหา ก่อนส่งมอบตัวให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อสอบปากคำ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่าน การข่าวแจ้งว่าจะมีกลุ่มคนร้ายร่วมกันวางระเบิดและก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่เสี่ยง อาทิ สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งชุมชน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยกลุ่มคนร้ายวางแผนกันอย่างเป็นระบบ แบ่งหน้าที่กันทำและปกปิดวิธีดำเนินการ โดยนายตาลมีซี นายอับดุลาซิรและนายมูบารีห์ ทั้ง 3 คนอยู่ในระดับผู้ปฏิบัติการ ร่วมกันวางแผนก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เหตุเกิดที่ห้องพักหลังมัสยิดยามีอุลอิสลาม ซ.รามคำแหง 53 เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร, อาคารห้องพักที่ต.บางเสาธง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และอ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ระหว่างเดือนก.ย. ถึงวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา
โดยทั้ง 3 สถานที่มีความเกี่ยวพันกัน ต่อมาทราบว่าทั้ง 3 คนถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ทหาร ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ค่ายอิงคยุทธบริการ จ.ปัตตานี และได้รับการปล่อยตัวที่ศาลจังหวัดนราธิวาสในวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงหมายจับและแจ้งข้อหาจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ถูกควบคุมตัวโดยทหารที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการสอบสวนคดีความั่นคงมาตั้งแต่ครั้งถูกจับกุมตัวได้ จนการสอบสวนสวนเสร็จสิ้น ต่อมาพล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดจากฝ่ายทหารมาส่งมอบให้ตำรวจดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายลงจากรถตู้ นำตัวให้ทีมแพทย์จากร.พ.ตำรวจ ตรวจร่างกายที่ห้องประชุมชิวปรีชา ภายหลังจากตรวจร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่นำอาหารเป็นข้าวผัดกะเพราเนื้อไข่ดาว และน้ำดื่มมาให้ผู้ต้องหารับประทาน พร้อมทั้งอนุญาตให้ประกอบพิธีทางศาสนา(ละหมาด) ก่อนแยกผู้ต้องหาไปสอบปากคำ ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นนำตัวไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ ที่หอพักบริเวณเคหะชุมชนเมืองใหม่บางพลี หมู่ 16 ต.บางเสาธง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่านำอุปกรณ์การประกอบระเบิดไปเก็บไว้ที่ห้องพักดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นจุดต้องสงสัยดังกล่าวแล้ว ผลการตรวจค้นพบกล่องบรรจุวัตถุต้องสงสัย 4 กล่อง รวมถึงอุปกรณ์โทรศัพท์และสายไฟจำนวนหนึ่ง โดยไม่พบอุปกรณ์วัตถุระเบิด หรือสารตั้งต้นการประกอบระเบิด มีเพียงข้าวของเครื่องใช้ และส่วนประกอบอาหาร เช่น น้ำบูดู และเครื่องเทศ ที่ถูกส่งขึ้นมาจากพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยภายหลังการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 รายว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับคดีในระดับปฏิบัติการ โดยมีพฤติกรรมเตรียมเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานแน่นหนา จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับ ส่วนเหตุผลที่จะเข้ามาก่อเหตุนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ต้องหายังคงให้การภาคเสธ แต่การจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา สอดคล้องกับการข่าวที่ได้มา หลังจากนี้จะคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ไปชี้จุด รวมทั้งหมด 6 จุด
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผู้ต้องหาบางรายยังรับสารภาพว่า เคยก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และร่วมอยู่ในเหตุการณ์ยิงครู เมื่อปี 2555 และเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อปี 2558 ซึ่งตนสั่งการให้บช.ศชต.เร่งสืบสวนขยายผลแล้ว ขณะนี้นับว่าผู้ต้องหายังให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และเชื่อว่าน่าจะสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุในระดับปฏิบัติการกึ่งแกนนำ ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพิ่มเติมอีก สำหรับความเห็นส่วนตัวนั้นเชื่อว่าการวางแผนก่อเหตุครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับแนวความคิดแบ่งแยกดินแดน
เวลา 15.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง สืบสวนติดตามกลุ่มนี้และกลุ่มอื่นๆ ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ชายแดนใต้ ที่มีความคิดเห็นสุดโต่ง พยายามหาช่องทางเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ขีดกรอบ ปิดกั้น กดดันคนกลุ่มนี้ไว้แล้ว ไม่ว่าจะกระจายไปจังหวัดไหนก็ไม่สามารถก่อเหตุได้ ขอให้ประชาชนอย่างกังวลให้มั่นใจในการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่
“ยืนยันว่าไม่ใช่การขยายพื้นที่ของการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้แต่อย่างใด ซึ่งในพื้นที่ภาคใต้นั้นคนร้ายยังคงพยายามก่อเหตุ โดยพุ่งเป้าไปที่เป้าหมายที่อ่อนแอ เช่น ชาวบ้านที่ไม่มีทางต่อสู้ ซึ่งได้กำชับให้พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รรท.ผบช.ศชต.ดูแลเป็นพิเศษแล้ว”ผบ.ตร. กล่าว
