เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ธ.ค. ที่ท้องสนามหลวง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานในกิจกรรมทำความสะอาดครั้งใหญ่หรือ “บิ๊กคลีนนิ่ง เดย์” โดยแบ่งเป็นการทำความ 15 พื้นที่รอบสนามหลวง 7 พื้นที่ที่เหลือตั้งแต่สะพานผ่านพิภพลีลา และลานพระบรมรูปทรงม้าอีก 8 พื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่ จิตอาสากว่า 3,000 คน เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว
ทั้งนี้ กิจกรรมทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบท้องสนามหลวงในวันนี้ ได้แบ่งเป็นการเก็บขยะ กวาดพื้นที่ถนนที่เป็นจุดเชื่อมต่อ ทำความสะอาดตะแกรงและลอกท่อระบายน้ำ และการทำความสะอาดเต็นท์บริการประชาชน โดยมีกลุ่มจิตอาสาจำนวนมากเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า แม้ว่าสำนักพระราชวังจะงดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง แต่เจ้าหน้าทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังคงตรวจตราดูแลความเรียบร้อยอย่างเข้มงวด จุดคัดกรองทั้ง 8 จุดยังมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจกระเป๋าสัมภาระและตรวจหาสิ่งผิดกฎหมายตามปกติ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในพื้นที่ท้องสนามหลวง
น.ส.กัลยรัตน์ แจ่มสว่าง อายุ 16 และน.ส.สุณัฏฐา แซ่จาง อายุ 16 สองนักศึกษาชั้นปี 1 วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี ที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมทำความสะอาด กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสได้มาเข้าคิวเพื่อเข้ากราบพระบรมศพ แต่ในวันนั้นคนเยอะมาก จึงจำเป็นต้องเดินทางกลับก่อน และเมื่อรู้ว่าในวันนี้จะมีการจัดกิจกรรมทำความสะอาดจึงชักชวนเพื่อนมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ โดยตั้งใจไว้ว่าถ้าไม่ได้กราบพระบรมศพ ตนก็จะขอมาช่วยในเรื่องของจิตอาสา เพื่อเป็นการตอบแทนและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
“เรามากันแค่สองคน ถึงแม้ว่าวันนี้จะยังเป็นวันที่ต้องเรียนตามปกติ แต่หนูตั้งใจไว้ดีแล้วว่าครั้งหนึ่งจะต้องทำดีเพื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่พอทำได้เช่น การเก็บขยะรอบๆ สนามหลวง ช่วยกวาดพื้น เช็ดเก้าอี้เพียงเท่านี้ พวกหนูก็ปลาบปลื้มใจมากแล้ว” น.ส.สุณัฏฐา กล่าว
ขณะที่ น.ส.ขนิษฐา สวัสดิ์วงศ์ไชย อายุ 46 ปี ประชาชนที่เดินทางมาจากจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า การตัดสินใจเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมทำความสะอาดท้องสนามหลวงครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมทั้งเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้
“เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ตนเดินทางจากมุกดาหาร มากราบพระบรมศพครั้งหนึ่งแล้ว และเมื่อรู้ว่าในวันนี้จะมีการทำความสะอาดสนามหลวง จึงขอกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมาช่วยในเรื่องของการเก็บกวาดขยะและคิดว่าจะอยู่ช่วยเจ้าหน้าที่จนกว่าจะเสร็จกิจกรรม เพราะเป็นการทำดีเพื่อพ่อหลวงของคนไทย” น.ส.ขนิษฐา กล่าว
นายอำพัน ทนทาน อายุ 39 ปี ประชาชนจากจังหวัดพิจิตรที่ร่วมเป็นจิตอาสาประจำท้องสนามหลวงตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระประชวร ตนจึงตัดสินใจลางานประจำ เพื่อมาเฝ้าถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราช กระทั้งค่ำวันที่ 13 ต.ค.เมื่อตนทราบว่า พระองค์ทรงเสด็จสวรรคต ความรู้สึกตอนนั้นอธิบายไม่ได้มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมา เหมือนเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ตั้งแต่นั้นจึงตั้งใจจะขอถวายตัวเป็นจิตอาสาเป็นผู้ช่วยพ่อครัวที่ท้องสนามหลวงให้ครบ 1 ปีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
“เมื่อตั้งสติได้ ผมโทรกลับไปบอกหัวหน้าว่าขอลาออกจากงานที่ทำประจำทันที เพราะคิดอย่างเดียวว่าจะขอทำดีถวายแด่พระองค์ท่าน หนึ่งปีเหมือนจะนานแต่เมื่อเทียบกับที่พ่อทำให้คนไทยแล้ว มันเป็นเศษเล็กๆ เท่านั้น ทุกครั้งที่พูดถึงพ่อน้ำตาจะไหลทุกครั้ง ผมเสียใจมาก” นายอำพัน กล่าว
นายอำพัน กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมในวันนี้ ตนได้เริ่มลงมือตั้งแต่ในช่วงเช้าตรู่ก่อนพิธีเปิดจะเริ่มขึ้น คอยช่วยเจ้าหน้าที่ยกถังน้ำดื่ม กวาดถนนด้านหลังพระบรมมหาราชวัง และเมื่อพิธีเปิดเริ่มขึ้นจึงเข้าร่วมและช่วยงานทำความสะอาดบริเวณภายในท้องสนามหลวง จากนั้นจึงมาช่วยงานด้านทาสีฟุตบาทโดยรอบพระบรมมหาราชวัง
“ผมจะอยู่ช่วยจนเสร็จงานและจะช่วยทำทุกอย่าง ผมถวายตัวเป็นจิตอาสาแล้วก็จะทำให้เต็มที่ เหงื่อที่ไหลทุกหยดของผมเทียบไม่ได้กับที่พ่อหลวงได้ทำไว้ แม้ว่าจะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่ผมเต็มใจทำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล” นายอำพัน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่บริเวณด้านนอกพระบรมมหาราชวังกำลังปรับปรุงพื้นที่ท้องสนามหลวง และบริเวณโดยรอบ ด้านสำนักพระราชวังหลังแจ้งปิดการจำหน่ายบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวังสำหรับนักท่องเที่ยว และงดการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร 50 วัน ในวันที่ 1-2 ธ.ค. เป็นเวลา 2 วัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ปรับปรุงทางเดินบริเวณประตูวิเศษไชยศรี ซึ่งเป็นทางเข้าของประชาชนที่เข้ามาสักการะพระบรมศพและทางเข้าของนักท่องเที่ยวด้วย
