เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 ก.ย.59 นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร ปลัดประจวบคีรีขันธ์ นายธณภัทร ณ ระนอง นายอำเภอทับสะแก นายสมพงษ์ ชมชัย ปลัดอาวุโสทับสะแก นายบรรจงศักดิ์ โพธิ์ทอง ปลัดฝ่ายความมั่นคง พ.ต.อ.วรเดช สวนคล้าย ผกก.สภ.ทับสะแก พ.ต.ท.ทัศจักร ลีลาโรจนกุลเลิศ ผกก.สอบสวน พ.ต.ท.สมมาตร สังข์ทอง รอง ผกก.สอบสวน นายบรรจงศักดิ์ โพธิ์ทอง ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอทับสะแก ทหารชุด รส.ศร.ค่ายธนะรัชต์ ได้เปิดแถลงข่าว กรณีโลกโซเซี่ยลได้แชร์กรณีหนุ่มลาวขับรถสปอร์ตเบนซ์หรู สีเทา หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือ ประเทศลาว ภพ 4422 แหกด่านตรวจตำรวจทางหลวง จนมุมที่ อ.ทับสะแก และไม่ยอมให้ตรวจค้นจนญาติในประเทศลาว ขึ้นเครื่องจากเวียงจันทร์ มาถึงโดยปลัดจังหวัดประจวบฯ ได้เข้าร่วมเจรจา จึงให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถพบกัญชาแห้งน้ำหนัก 2.07 กรัม และถูกดำเนินคดีส่งศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ต่อมาโลกโซเซี่ยล ได้แชร์คำพูดของปลัดจังหวัดที่เข้าไปเจรจา โดยเฉพาะคำว่า “เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ” จนเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าไม่ได้ดำเนินคดี

 

นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขอเรียนข้อเท็จจริงว่า ในวันที่ 12 กันยายน 2559 รถเบ็นซ์ลาว หมายเลขทะเบียน กพ 4422 กำแพงนครเวียงจันทน์ ขับรถยนต์ฝ่าด่านตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ มุ่งหน้าไปภาคใต้ ผู้ต้องหาขับรถหนีไม่ยอมให้ตรวจค้น มีการไล่สกัด จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทับสะแก สกัดจับแต่ผู้ต้องหา ไม่ยอมลงจากรถ จึงใช้รถลากนำรถเบ็นช์ดังกล่าวมาไว้ที่ สภ.ทับสะแก ปลัดจังหวัดซึ่งไปราชการที่อำเภอทับสะแกประสบเหตุจึงร่วมกับตำรวจขอให้ผู้ต้องหาลงจากรถแต่ผู้ต้องหาปฏิเสธ แจ้งว่าขอให้บิดามารดามาที่เกิดเหตุ จึงจะยอมลงจากรถ

 

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวในขณะนั้น มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวตลอด ตั้งแต่หลบหนี มีชาวทับสะแกล้อมดูเหตุการณ์นับร้อยคน บิดามารดาผู้ต้องหาพร้อมเพื่อนคนไทยอีก 2 คน รวม 4 คน มาถึงทับสะแกผู้ต้องหาจึงยอมลงจากรถ ปลัดจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ตำรวจทางหลวง และฝ่ายปกครอง จึงได้ทำการตรวจค้นรถยนต์ ต่อหน้าชาวลาว และพี่น้องประชาชน

 

ผลการตรวจค้นพบกัญชา 2.07 กรัม แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายและสารเสพติดอื่น เช่น ยาบ้า ยาไอซ์ แต่อย่างใด จึงทำให้เป็นที่แปลกใจของเจ้าหน้าที่ สื่อมวลชน รวมทั้งชาวบ้านทั้งหลาย เหตุใดมียาเสพติดเพียงน้อยนิด ทำไมจึงต้องขับรถหนีด่านตรวจ โดยญาติผู้ต้องหาได้แจ้งว่า ผู้ต้องหาชื่อ นายสุริยา หาบุญ อายุ 24 ปี มีอาการหวาดระแวงทางจิต ต้องกินยาระงับประสาทอย่างต่อเนื่อง ขาดยาไม่ได้ รวมทั้งได้แสดงหลักฐานใบรับรองแพทย์ของ นายแพทย์ พิสาสน์ เตชะเกษม โรงพยาบาลมนารมย์ บางนา กรุงเทพมหานคร ว่ามีอาการป่วยทางจิต อยู่ระหว่างการรักษา

 

เพื่อป้องกันการหวาดระแวงของผู้ต้องหาที่มีอาการไม่ปกติ ป้องกันความตระหนกตกใจของชาวลาวที่มีคนไทยนับร้อยล้อมรอบที่เกิดเหตุ ปลัดจังหวัดจึงได้ชี้แจงให้ที่ประชุมชาวบ้าน ทราบในข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ทั้งหมด สำหรับ ยาเสพติด กัญชา ในครอบครอง มีเพียง 2.07 กรัม โทษกฎหมายไทยไม่มาก จึงกล่าวว่าเป็นเรื่องน้อยนิด จิ๊บๆ มิได้ใหญ่โต เพื่อให้ชาวไทยนับร้อยมุงล้อมดูผู้ต้องหาและญาติชาวลาว คลายความหวาดกลัว

201609151557173-20041020160007

“สำหรับการกล่าวว่าให้ทุกอย่างจบที่ทับสะแก เป็นภาษาบ้านๆที่ชาวทับสะแกเข้าใจดี หลังจากกล่าวจบ ทุกคนในเหตุการณ์เข้าใจ ปรบมือ และแยกย้ายกลับบ้าน ปลัดจังหวัดจึงได้ทำความเข้าใจกับผู้ต้องหาและญาติ ฉะนั้น ปลัดจังหวัดจึงปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย มิได้มีการละเลยหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นคนไทยหรือคนลาว โดยยึดถือหลักนิติศาสตร์ในการปฏิบัติงานและดำเนินคดีตามกฎหมาย และหลักรัฐศาสตร์ในการทำความเข้าใจชาวบ้านเพื่อสลายการชุมนุม หลักข้าราชการในการช่วยเหลือเป็นที่พึ่งแก่ทุกฝ่าย หลักสิทธิมนุษยชนแก่ผู้ต้องหา ยังใช้ความเป็นคนไทย ที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อชาวต่างชาติ ส่วนการเผยแพร่ภาพบางตอนโดยไม่นำเสนอเรื่องราวทั้งหมด จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคมได้ และตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยรู้จักผู้ต้องหาหรือญาติชาวลาวที่เดินทางมา เหและไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใด ๆ แม้แต่บาทเดียว แต่หากมองว่าเป็นการช่วยเหลือคนลาว ก็ต้องขอโทษชาวไทยทุกคน”

 

ด้าน พ.ต.อ.วรเดช สวนคล้าย ผกก.สภ.ทับสะแก กล่าวว่า พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหา 3 ข้อหา คือ 1.ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานที่สั่งการตามหน้าที่ แล้วไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันควร (ขับรถฝ่าด่านตรวจ) 2.ขับรถเมื่อใบอนุญาตสิ้นอายุ 3.มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครอง แต่ในเบื้องต้นผู้ต้องหาไม่ยอมลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุม โดยปลัดจังหวัดได้อ่านบันทึกจับกุมและพูดทำความเข้าใจจนผู้ต้องหาและบิดามารดาลงนามในบันทึกจับกุม นอกจากนี้ได้นำผู้ต้องหาตรวจสารเสพติดที่โรงพยาบาลทับสะแก ไม่พบสารเสพติด

 

โดย ในวันที่ 13 กันยายน 2559 พนักงานสอบสวน สภ.ทับสะแก นำผู้ต้องหายื่นคำร้องขอฝากขังศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คดีหมายเลขดำที่ 667/2559 ลงวันที่ 13 กันยายน 2559 ดำเนินคดีตามกฎหมาย ครั้งที่ 1 มีกำหนด 12 วัน ศาลอนุญาตให้ฝากขัง คดีอยู่ระหว่างการสอบสวน ส่วนผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว ซึ่งในขณะนี้ได้รวมรวมหลักฐานทางนิติวิทยาสาสตร์เพื่อประกอบสำนวนคดีคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน คงทราบผลหรืออาจเร็วกว่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน