เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการมอบหรือไม่มอบตัวของพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล หลังอัยการคดีพิเศษมีความเห็นควรสั่งฟ้องในคดีพิเศษที่ 27/2559 ในฐานความผิดสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ว่าการที่พระธัมมชโยจะมอบตัวหรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็น ถ้าจะมอบตัวก็มอบ แต่ถ้าไม่ ก็ไปจับ ก็แค่นั้นใช่หรือไม่

201612061254502-20150129150635

เพราะคดีของพระธัมมชโยทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เขาก็ทำตามขั้นตอนมาโดยตลอด ทางผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ก็ได้เข้าไปเจรจาทุกอย่าง ดังนั้น ประชาชนก็ต้องมองภาพให้เข้าใจว่า เจ้าหน้าที่เองก็ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาทับซ้อนอย่างที่เราห่วงใยกัน แต่ถ้ามันไม่เรียบร้อยเราก็ต้องทำ ทั้งนี้ ตนทราบข่าวว่าทางพศ.จะมีการแจ้งผลการเจรจามาในวันนี้ จึงต้องรอฟังผลดังกล่าวก่อน หากหลังจากวันนี้ยังไม่ได้อะไร ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กับทางตร.เขาพูดไว้แล้ว ก็ทำตามขั้นตอนไปทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามถึงเงื่อนไขการขอประกันตัวของพระธัมมชโย ตามกรอบกฎหมายสามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ เพราะในส่วนของดีเอสไอนั้น การประกันตัวอยู่ในชั้นศาลแล้ว เพราะอัยการส่งฟ้องไปแล้ว จึงต้องอยู่ที่ศาลว่าจะมีความเห็นอย่างไร ในส่วนของตร. ทราบว่าอยู่ในชั้นการสอบสวน ดังนั้น เราก็ตอบไม่ได้ว่า จะให้ประกันตัวได้หรือไม่ ถ้าจะมาพูดว่าดีเอสไอจะให้ประกันตัวหรือไม่ ดีเอสไอก็ตอบไม่ได้ ซึ่งทนายความของวัดพระธรรมกายน่าจะทราบขั้นตอนของกฎหมาย

เมื่อถามต่อว่าหากต้องเข้าไปจับกุมพระธัมมชโยภายในวัดพระธรรมกาย จะมีการทำความเข้าใจกับศิษยานุศิษย์ที่อยู่ในวัดย่างไร รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เขาก็คงมีการพูดคุยกันแล้ว ซึ่งทางนั้นก็ไม่มีอะไรไม่ใช่หรือ ที่สื่อมวลชนถามตนก็เข้าใจเหมือนที่ตนเข้าใจกันทั้งหมด ซึ่งก็ต้องทำให้มันเรียบร้อยที่สุด

“ผมรู้ว่าคอลัมน์ของพวกเราเขียนทุกอันแหล่ะ สื่อทุกฉบับ ผมก็ต้องขอบคุณที่ห่วงใย และก็เข้าใจว่าทางสื่อทุกคนก็ห่วงใยในเรื่องนี้ และไม่อยากให้ใครมาใช้กฎหมู่หรือการปฏิบัติที่ไม่ได้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันของประเทศไทย เราเป็นเจ้าหน้าที่ก็พยายามที่จะทำให้ดีที่สุด ซึ่งหมายความว่าต้องทำตามกฎหมาย มันก็มีขั้นตอนอย่างที่บอกพวกเราไว้หลายครั้งแล้ว ทั้งจากขั้นตอนของทางสงฆ์ และการขอหมายค้น ซึ่งเขาวางไว้แล้ว ว่าถ้าไม่ได้จะทำอย่างไร ซึ่งก็คิดตามที่สื่อคิดนั่นแหล่ะ เพียงแต่มันอาจจะไม่เป็นไปตามเวลาที่คิดไว้” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีดีเอสไอเตรียมออกหมายเรียกพระทัตตชีโว รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เขาเรียกหรือยัง ใครผิดอะไรก็ว่าไปตามนั้น ไม่ต้องเร่งรัด จะเข้าพบในฐานะอะไรหรือประเด็นอะไรก็ต้องว่ากันไป ส่วนกรณีที่วัดพระธรรมกายมีการเปลี่ยนรักษาการเจ้าอาวาสวัดนั้น ไม่เป็นปัญหาหรอก พระพุทธศาสนามีกฎหมาย มีขั้นตอนดู ไม่มีใครที่จะไปพูดและไปหลีกเลี่ยงได้หรอก คือคุณจะพูดอะไรก็ได้ แต่หลักฐานทางกฎหมายมันมีอยู่

“วัดเองก็อยู่ภายใต้กฎหมายพ.ร.บ.สงฆ์ ของขั้นตอนการปกครองของมหาเถรสมาคมมันมีอยู่ ใครรักษาการใครจะเปลี่ยนต้องแจ้งใคร มันก็เหมือนกับราชการ ไม่ใช่คุณบอกว่าเวลานี้ไม่ใช่ แต่พอนั่นคุณเซ็นหนังสืออยู่ จะมาโกหกกันได้อย่างไร มันมีหลักฐานอยู่ ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าเขามีหลักฐานอะไรหรือไม่ ก็ต้องให้เขาแสดงหลักฐานตามที่บอกว่าไม่ใช่ แต่ถ้าใช่แล้วบอกว่าไม่ใช่ มันก็จะเป็นเรื่องขึ้นมา ซึ่งก็ต้องให้
ความเป็นธรรมกับเขา” รมว.ยุติธรรม กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการขอหมายค้นวัดพระธรรมกาย พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนได้ให้ดีเอสไอทำคู่ขนานกันไป แต่อาจจะมีประเด็นเรื่องตัวตนอยู่หรือไม่ ซึ่งตนไม่ขอลงรายละเอียด เพราะได้ให้นโยบายไปแล้วว่าอะไรที่ทำคู่ขนานได้ก็ทำไป ซึ่งบางอย่างมันต้องอาศัยเอกสารหลักฐานยืนยันการมีตัวตนอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ต้องก็ให้ทำไป จึงต้องไปถามอธิบดีดีเอสไอว่าต้องมีหรือไม่ จึงได้มีการทำหนังสือไปถึงรักษาการเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ทั้งนี้ ตนไม่แม่นเรื่องกฎหมาย ถ้าจำเป็นต้องทราบตัว ตนก็ต้องคอย แต่ถ้าเรื่องไหนไม่จำเป็นต้องคอยก็ทำเลย อย่างไรก็ตาม ตนไม่สามารถยืนยันว่าพระธัมมชโยยังอยู่หรือไม่ แต่กระแสข่าวอยู่ก็มากกว่าไม่อยู่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน