เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมทนาย เดินทางมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อขึ้นสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 8 ในคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยมีบรรดาอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรคและอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมว.ประจำสำนักนายกฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี เป็นต้น ร่วมให้กำลังใจ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 1 กองร้อย

s__27361308

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าศาล ถึงการยื่นคัดค้านคำสั่งทางปกครอง กรณีการชดใช้ค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวต่อศาลปกครองว่า ทีมกฎหมายกำลังทำงานอยู่ เพราะยังอยู่ในกรอบเวลาที่กฎหมายระบุไว้ ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรจะเรียนให้ทราบอีกครั้ง

อดีตนายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมี 2 รัฐมนตรีได้ไปดำรงตำแหน่งองคมนตรีนั้น ยินดีที่ 2 รัฐมนตรีได้ไปดำรงตำแหน่งองคมนตรี แต่ส่วนตัวไม่ขอลงรายละเอียดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ควรจะปรับครม.กระทรวงใดบ้าง เพราะเป็นสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์จะพิจารณาเอง แต่อยากให้ใช้โอกาสนี้ดูผลงานทุกกระทรวง และดูความต้องการการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในช่วงนี้ ว่ามีความต้องการอย่างไร ซึ่งจะได้สะท้อนไปถึง ครม.ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย เพราะวันนี้เราเจอภาวะของเศรษฐกิจโลกมาแล้ว ไม่อยากให้เศรษฐกิจของไทยมาซ้ำเติมประชาชน

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ที่ผ่านมา เรื่องเศรษฐกิจมีผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ภาคการเกษตร อุตสาหกรรมก็ได้รับผลกระทบ ซึ่งรัฐบาลอาจมีนโยบายลงกระตุ้นเรื่องนี้ แต่ตนมองว่าการกระตุ้นของรัฐบาลคงช่วยได้ในระยะหนึ่ง แต่อยากให้พิจารณาในระยะยาวด้วย คือการสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับต่างประเทศ การจ้างงาน การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และทำอย่างไรให้คนไทยเกิดการใช้สอยมากขึ้นให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำในระยะยาว ควบคู่กับการแก้ปัญหาระยะสั้น

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน