เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ร.ต.อ.อภินันท์ พลศร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากนายศักดิ์เทพ ชุมนุมมณี ผบ.ทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช ว่า มี 2 นักโทษชายปีนกำแพงเรือนจำหลบหนีไปได้ เหตุเกิดเมื่อเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมือง ประสานกำลังตำรวจสายตรวจ ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ชุดจู่โจม นปพ.นครศรีธรรมราช รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ

201609161233534-20041019184031

เมื่อไปถึงที่ทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พบว่าเจ้าหน้าที่กำลังวุ่นอยู่กับการติดตามตัวผู้ต้องขังที่หลบหนีจำนวน 2 คน คือนายธีรยุทธ หรือมุ้ย ชูแก้ว อายุ 32 ปี เป็นนักโทษคดี พ.ร.บ.อาวุธสงคราม, คดีพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เมื่อปี 2558 และคดียาเสพติด อีกคนคือนายสมชาย ไทยบุรี อายุ 40 ปี เป็นนักโทษเด็ดขาดคดี พ.ร.บ.ยาเสพติด ซึ่งศาลได้ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 10 ปี 4 เดือน โดยผู้ต้องขังทั้ง 2 ปีนกำแพงหลบหนีไปได้อย่างลอยนวล ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ได้ออกค้นหาอย่างจ้าละหวั่น

201609161233536-20041019184031

โดยที่บริเวณกำแพงทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราชสูงประมาณกว่า 10 เมตร มีสายไฟฟ้าแรงสูงและลวดหนามล้อมรอบรั้วกำแพง โดยเจ้าหน้าที่พบหลักฐานเป็นผ้าห่มสีน้ำเงินจำนวน 3 ผืน นำมาต่อกันแล้วมีการม้วนทำเป็นเกลียว เหมือนเชือกขนาดใหญ่ยาวประมาณกว่า 10 เมตร ห้อยคาติดอยู่กับสายไฟรั้วริมกำแพงเรือนจำทั้งด้านในและด้านนอก และยังมีท่อพีวีซีขนาดความยาวประมาณ 10 เมตรเศษเป็นที่รองเท้าปีนกำแพง วางพาดพิงกับกำแพงเรือนจำด้านใน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

201609161233537-20041019184031

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราชให้การกับตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้ามืดเวลาประมาณ 05.00 น.วันเดียวกัน ขณะเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ปล่อยให้บรรดานักโทษทั้งหมดออกมาจากเรือนนอนเพื่อทำภารกิจตามปกติ นายธีรยุทธ และนายสมชาย เตรียมการหลบหนีแอบหลบไปทางกำแพงด้านหลัง แล้วนำผ้าห่มมาผูกมัดต่อกันยาวเกือบ 10 เมตรที่เตรียมไว้ มัดกับเสาแล้วปีนข้ามกำแพงหนีไปทางด้านหลัง ซึ่งมีบ้านผู้คุมเรือนหลายหลัง แต่ก็รอดสายตาเจ้าหน้าที่ไปได้

สำหรับนายธีรยุทธ หนึ่งในสองผู้ต้องขังมีประวัติโชกโชน ทั้งคดียาเสพติดและอาวุธปืน และยังเป็นมือปืนรับจ้างระดับต้นๆ ของตำรวจภูธรภาค 8 เมื่อเดือน ก.พ.2558 กำลังตำรวจและทหารเข้าล้อมจับ ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช แต่ถูกนายธีรยุทธ ใช้อาวุธปืนยาวยิงต่อสู้ และทหารบาดเจ็บจำนวน 1 ราย ก่อนนายธีรยุทธ หลบหนีไปได้ แต่เจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนักจึงเข้ามอบตัว ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจาณาของศาล ส่วนนายสมชาย ผู้ต้องขังอีกคนนั้นโดนศาลตัดสินคดีเสร็จแล้ว ซึ่งจำคุกก่อนจะร่วมกันหลบหนีไปได้ดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ส่งกำลังออกไล่ล่าหลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามี 1 ใน 2 ผู้ต้องขังหลบหนีเข้าไปในเขต อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช และมีญาตินำรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สีแดง ไม่ทราบทะเบียนมารับตัวไป เจ้าหน้าที่จึงออกติดตามไปยังพื้นที่ดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ ซึ่งคาดว่าผู้ต้องขังทั้ง 2 น่าจะหลบหนีออกนอกพื้นที่ หรือหลบไปกบดานบนภูเขาแถวบ้านเดิม อ.ร่อนพิบูลย์ และ อ.ท่าศาลา ทำให้ยากต่อการติดตาม

ส่วนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ปฏิบัติการหรือผู้คุมรายหนึ่งแจ้งว่า สภาพทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นผู้ควบคุมตัวนักโทษทุกคดี โดยเฉพาะคดีร้ายแรงที่มีอัตราโทษสูงอยู่ระหว่างการพิจารณา ไม่เฉพาะนักโทษที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปีเช่นเดิมแล้ว ความมั่นคงของเรือนจำจึงมีไม่มากเท่าเรือนจำความมั่นคงสูง ขณะที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช มีจำนวนนักโทษล้นไม่สามารถรับนักโทษได้แล้ว

สำหรับการหลบหนีของนายธีรยุทธ และนายสมชาย คาดว่าน่าจะมีการวางแผนล่วงหน้า โดยเฉพาะนายธีรยุทธ นั้นอาจติดอาวุธหนักมากขึ้น เป็นบุคคลอันตราย เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังตัวในการติดตาม อย่างไรก็ตามเย็นวันนี้ จะมีผู้ตรวจการกรมราชทัณฑ์เดินทางมาติดตามความคืบหน้ากรณีผู้ต้องขังแหกคุก เพื่อกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวมาให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเกรงว่าจะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับบุคคลภายนอกได้

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน