เมื่อเวลา 07.05 น. วันที่ 10 ธ.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ มาทรงเป็นประธานบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 58 และทรงถวายภัตตาหารแก่พระพิธีธรรม 8 รูปจากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร และวัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร ในการนี้ ราชสกุลฉัตรชัย, ราชสกุลเพ็ญพัฒน์, ราชสกุลกาญจนะวิชัย, ราชสกุลกัลยณะวงศ์, ราชสกุลสุทัศนีย์, ราชสกุลวรวุฒิ และราชสกุลรัชนี ร่วมถวายภัตตาหารแก่พระพิธีธรรม
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชานุญาตให้สมาชิกราชสกุลทุกมหาสาขาและราชินีกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ ร่วมเป็นเจ้าภาพ และทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้องคมนตรี สำนักพระราชวัง สำนักราชเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี สมาชิกสกุลไกรฤกษ์ และผู้เข้ารับพระราชทุนมูลนิธิอานันทมหิดล ร่วมเป็นเจ้าภาพ ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เป็นวันที่ 4 โดยมี ราชสกุลฉัตรชัย, ราชสกุลเพ็ญพัฒน์, ราชสกุลกาญจนะวิชัย, ราชสกุลกัลยณะวงศ์, ราชสกุลสุทัศนีย์, ราชสกุลวรวุฒิ และราชสกุลรัชนี ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ
ต่อมาเวลา 10.30 น. ม.ร.ว.วิสุทธิสวัสดิ์ วิสุทธิ เป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม จำนวน 8 รูปจากวัดสระเกศราชวรวิมหาวิหารและวัดอนงคารามวรวรวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งมีราชสกุลวิสุทธิ, ราชินีกุล ณ บางช้าง, ราชินีกุล ชูโต, ราชินีกุลสวัสดิ์-ชูโต, ราชินีกุลแสงชูโต, ราชินีกุลบุนนาค, ราชินีกุลศิริสัมพันธ์, ราชินิกุล ณ พัทลุง, ราชินีกุลสุจริตกุล ร่วมเป็นเจ้าภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันที่ 41 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อย เดินทางมาต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ โดยในเวลา 04.50 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
วันเดียวกันนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 00.46 น. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอเข้ากราบพระบรมศพในมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 55,948 คน รวม 40 วัน มี 1,464,701 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงินยอดเงิน 4,793,911 บาท รวม 40 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 112,389,891 บาท
นายจิระ-นางจุไรรัตน์ ศิริสัมพันธ์
นายจิระ ศิริสัมพันธ์ สมาชิกราชินีกุลศิริสัมพันธ์ อดีตข้าราชบริพาร สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เปิดเผยว่า เป็นความปลื้มปีติและตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่งที่ราชินีกุลเราได้รับพระราชานุญาตให้ร่วมเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ในฐานะข้าราชบริพารในสมเด็จพระนางฯ ได้เห็นในหลวง ร.9 ทรงงานมาโดยตลอด และทำในทุกอย่าง แม้ว่าบางเรื่องพระองค์ไม่จำเป็นต้องทำ แต่ทรงทำด้วยความรักความห่วงใยที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย และสิ่งที่พระองค์ทำไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทน ไม่ต้องการชื่อเสียงใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนได้น้อมนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตในเรื่องของการเสียสละเพื่อส่วนรวม
นางจิตติมา ณ บางช้าง และสมาชิกราชินีกุล ณ บางช้าง
นางจิตติมา ณ บางช้าง สมาชิกราชินีกุล ณ บางช้าง สืบเชื้อสายจากพระมเหสีในรัชกาลที่ 1 ที่รวมตัวกันอยู่ย่านอัมพวา จ.สมุทรสงคราม เปิดเผยว่า ตนมีโอกาสได้ถวายงานพระบรมวงศานุวงศ์โดยเฉพาะสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งเสด็จฯไปทอดพระเนตรการแสดงโขนในงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ณ อุทยาน ร.2 ทั้งนี้ ในหลวง ร.9 ได้เสด็จฯไปปลูกต้นโพธิ์ที่อุทยานร.2 เมื่อนานมาแล้ว ส่วนตัวประทับใจพระองค์ที่ทรงทำเพื่อคนไทยมาตลอด ชาวอัมพวาเองเป็นเกษตรกร ที่ยังอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ จึงได้ยึดหลักพอเพียงตามคำสอนของพระองค์สืบมาในการดำรงชีวิต และจะนำเรื่องราวพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์นี้ บอกเล่าให้ลูกหลานฟังสืบไป
นางชามานันท์ สุจริตกุล สมาชิกราชินีกุลสุจริตกุล
นางชามานันท์ สุจริตกุล สมาชิกราชินีกุลสุจริตกุล กล่าวว่า ราชินีกุลสุจริตกุลสืบเชื้อสายจากสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา หรือเจ้าจอมมารดาเปี่ยม ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชมารดาใน สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี, สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีอายุนับร้อยปี โดยในต้นราชสกุลผู้ใหญ่หลายคนเคยมีโอกาสได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทใกล้ชิด ตั้งแต่เป็นผู้พายเรือให้กับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงผนวช เป็นเรื่องบอกเล่าต่อเนื่องกันมาถึงลูกหลานให้ได้ภูมิใจ และยังความภักดีต่อราชวงศ์จักรี
ราชินีกุลสวัสดิ์-ชูโต
นางชามานันท์ กล่าวด้วยว่า ตนรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 อยากหาที่สุดไม่ได้ พระองค์ทรงใช้พระอัจฉริยภาพของพระองค์ทำเพื่อคนไทยในทุกวงการ ทั้งฟื้นฟูพระราชพิธี ประเพณีโบราณหลากหลายประเพณีขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะกับเกษตรกร ซึ่งเป็นเสาหลักของประเทศ ที่แม้เทคโนโลยีโลกจะก้าวไปไกลเท่าใด ในหลวง ร.9 ก็ยังให้ความสำคัญกับชาวนา เกษตรกรอยู่เสมอ ทรงฟื้นพระราชพิธีแรกนาขวัญขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่เราทำได้คือการยึดหลักซื่อสัตย์ สุจริต ทำความดีตามรอยพระบาทสืบไป
ราชินีกุลสุจริตกุล
ขณะที่เต็นท์อาหารพระราชทานของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน
ประกอบด้วย มื้อเช้า เวลา 07.00 น. ข้าวต้มหมูตุ๋น 1.500 ถ้วย, กาแฟสด 2,500 แก้ว, นมหนองโพ 2,000 กล่อง และน้ำดื่ม มื้อกลางวัน เวลา 11.00 น. กระเพาะปลา 2,000 ถ้วย, ข้าวหมูแดงไข่ต้ม 1,500 จาน, ข้าวผัดกุนเชียง 1,500 จาน และผัดไทยกุ้งสด 1,000 จาน มื้อบ่ายเวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง, ซาลาเปาหมูแดง-หมูสับ 1,000 ลูก,เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ถุง, น้ำสมุนไพร 700 ลิตร, มื้อเย็น เวลา 18.00 น. ข้าวต้มปลากระพงแดง 3,000 จาน และน้ำดื่มจิตรลดาให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน
