กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพพลทหารวีระเทพ เพชรประสม หรือกอล์ฟ อายุ 22 ปี ทหารเกณฑ์สังกัดศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ จังหวัดลพบุรี อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ที่ 2 ต.หนองแม่ไก่ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ถูกแทงด้วยของมีคม ที่ชายโครง เสียชีวิตภายในวัดนางในธัมมิการาม ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ต่อมาเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตามจับตัวผู้ต้องหาได้ คือ นายอดิศร หรือโอ๊ต วงศ์เตียง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 7 ต.ยางช้าย อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง และนายต๋า (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ซึ่งรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง เมื่อเกิดที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

อ่านข่าว รวบแล้วมือแทงพลทหารดับคาวัดที่อ่างทอง ยันไม่เกี่ยวกับสาวเฟซบุ๊ก เพราะเป็นญาติของแฟน

201612101323332-20110111132303

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 108 หมู่ที่ 2 ต.หนองแม่ไก่ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นบ้านของพลทหารวีระเทพ หลังรับแจ้งว่าญาติๆและเพื่อนๆของพลทหารวีระเทพ กำลังจะเคลื่อนขบวนศพพลทหารวีระเทพไปขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิเศษชัยชาญ ให้ดำเนินคดีด้วยความเป็นธรรม เพราะเชื่อว่าผู้ที่ก่อเหตุมีมากกว่า 2 คน ไม่ใช่มีผู้ต้องหาแค่ 2 คน เท่าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับมา

201612101321429-20110111132303

ซึ่งหลังจากไปที่บ้านพลทหารวีระเทพ ก็พบกับเจ้าหน้าที่ทหารจากศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ จังหวัดลพบุรี ที่เป็นผู้บังคับบัญชาและเพื่อนๆ ทหาร มาเคารพศพและช่วยเคลื่อนศพพลทหารวีระเทพ ออกจากบ้านไปยังวัด จากนั้นทางญาติและเพื่อนๆของพลทหารวีระเทพ ก็แห่ศพไปขอความเป็นธรรมยังสภ.วิเศษชัยชาญ โดยมี พ.ต.ท.วิรัตน์ ด้วงสำรวย รองผกก.สส.สภ.วิเศษชัยชาญ มารอรับ จากนั้นทางญาติของพลทหารวีระเทพ ก็นำศพของพลทหารวีระเทพ ลงจากรถมาเปิดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูร่องรอยบาดแผลที่ถูกรุมทำร้าย พร้อมต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีที่ไม่เป็นธรรม

201612101323335-20110111132303

ต่อมาพ.ต.ท.วิรัตน์ เชิญตัวแทนทางญาติของพลทหารวีระเทพ เข้าหารือจนได้ข้อยุติ ตามที่ทางญาติและเพื่อนๆของพลทหารวีระเทพ เรียกร้องอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเพิ่ม

201612101321415-20110111132303

นายพิเชษฐ์ เพชรประสม อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ที่ 2 ต.หนองแม่ไก่ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ลุงของพลทหารวีระเทพ กล่าวว่า ที่ตนและทางญาตินำศพไปขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เพราะพวกตนไม่พอใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลานชายตนถูกแทงจนเสียชีวิต เพราะถูกรุมทำร้าย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายแค่ 2 คนบอกมีแค่ 2 คน แต่จากดูสภาพศพแล้วและดูจากหลักฐานที่พวกตนมีอยู่ มันไม่ใช่

201612101321413-20110111132303

“ถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน มีดที่เป็นอาวุธ ก็ไม่หาให้เจอ ที่สำคัญการเสียชีวิตครั้งนี้มีอะไรแปลกๆ สาวชื่อตูนที่หลานชายตนนัดไปที่ร้านอาหารช่างหัวมัน ก็ไม่สอบสวนให้กระจ่าง เพราะเป็นคนที่มีพิรุธมาก ดูจากข้อความในไลน์ที่คนชื่อตูนนัดกับทางผู้ตายออกไปที่ร้าน และคนชื่อตูนบอกไม่รู้จักกับพลทหารพัฒนา ใจปัญญา หรือเบียร์ เพื่อนพลทหารวีระเทพที่ไปด้วยกันแต่ทางไลน์ปรากฏข้อความว่ารู้จักกันหมด ทำไมคนชื่อตูนต้องเก็บโทรศัพท์คนตายไป และแกล้งไลน์ตามผู้ตายว่า เป็นไง ก็รู้ทั้งรู้ว่าโทรศัพท์ไม่อยู่กับผู้ตาย อีกอย่างพยานปากสำคัญคือพลทหารพัฒนา ที่พูดวกไปวนมา พวกตนจึงต้องแห่ศพไปหาความเป็นธรรม” นายพิเชษฐ์ กล่าว

201612101323337-20110111132303

ด้านพ.ต.ท.วิรัตน์ กล่าวว่า กรณีมีญาติคนตาย คือนายพิเชษร์ เพชรประสม ลุงพลทหาร วีระเทพ เพชรประสม ผู้ตาย ถูกแทง พบศพเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. แล้วในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.วิเศษชัยชาญ ร่วมกันทำการจับกุมตัวนายอดิศร วงศ์เตียง และพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับนายสุธิราช จันทร์งาม ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ในวันนี้ นายพิเชษฐ์เป็นตัวแทนญาติของผู้ตาย มาขอความเป็นธรรม พร้อมกับพวกประมาณ 40 คน แห่ศพผู้ตาย มาหน้าสภ.วิเศษชัยชาญ เพื่อขอความเป็นธรรม โดยติดใจดังนี้ 1.เชื่อว่าผู้ตายถูกผู้ต้องหาทำร้ายมากกว่า 2 คนนี้ 2.ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ถูกปล่อยตัวเร็วเกินไป 3.เจ้าหน้าที่ตำรวจดูกล้องวงจรปิด ไม่ยอมแจ้งให้ญาติผู้ตายไปดูกล้องด้วย

ตนจึงได้ประสานตัวแทนญาติผู้ตายที่แห่ศพเข้ามาเจรจา โดยมีนายพิเชษฐ์ และญาติผู้ตายอีก 2 คน รวม 3 คน เข้ามาเจรจา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุในวันที่พบศพ จนได้รวบรวมพยานหลักฐาน มอบให้พนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน จนขออนุญาตศาลออกหมายจับผู้ต้องหา จนได้จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในวันนั้นคือนายอดิศร วงศ์เตียง ผู้ต้องหา ได้ให้การรับสารภาพ ส่งให้พนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวน นำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดอ่างทองในวันรุ่งขึ้น และพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานแจ้งข้อหาต่อนายต๋า (นามสมมติ) ผู้ต้องหา ผู้ร่วมก่อเหตุด้วย ไปขออำนาจศาลฝากขังไว้แล้ว

กรณีญาติผู้ตายติดใจว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ ต้องมีมากกว่านี้นั้น ชุดสืบสวนพยายามหาพยานหลักฐานเพิ่ม และให้ฝ่ายญาติคนตายมีหรือพบพยานเพิ่มเติม ให้นำมามอบให้พงส. เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง หากพบพยานหลักฐานเพิ่มต้องทำการตามกฎหมายต่อไป กรณีญาติผู้ตายหาว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ถูกปล่อยตัวเร็วเกินไปนั้น เป็นอำนาจและอยู่ในดุลพินิจของศาล ไม่ใช่ของตำรวจ

ส่วนกรณีติดใจการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูกล้องวงจรปิดต่างๆ ทำไมไม่แจ้งให้ญาติผู้ตายไปดูด้วยนั้น ทางตำรวจได้ชี้แจงว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเหตุการณ์ทำงาน จึงต้องรีบหาพยานหลักฐานให้ได้โดยเร็ว ไม่ได้แจ้งให้ญาติผู้ตายทราบ และให้ตัวแทนญาติผู้ตาย ที่ต้องการดูกล้องวงจรปิดต่างๆ จึงให้ชุดสืบสวนพาไปดูเรียบร้อย จากที่พูดคุยทำความเข้าใจ จึงพากันเดินทางกลับและจะนำศพไปฌาปนกิจในเย็นวันนี้ เวลา 16.00 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน