กรธ.ท้าพรรค ซักฟอกกม.ลูก

พท.-ปชป.อัดซํ้า มีธง-ฟังแต่คสช. สนช.ชี้ยังแก้ได้

กรธ.โต้นักการเมืองวิจารณ์ ร่างพ.ร.บ.พรรคการเมือง ถ้าอยากเห็นประเทศพัฒนา ก็ต้องปฏิรูป สงสัยให้มาถามได้บนเวที 14 ธ.ค.นี้ “ภูมิธรรม”ซัดเป็นแค่พิธีกรรม ไม่จริงใจ ลั่นเพื่อไทยไม่ส่งคนร่วม “องอาจ”ชี้กฎหมายปฏิบัติไม่ได้จริง หวั่นเปิดช่องใส่ร้ายป้ายสี สนช.ปลอบนักการเมืองใจเย็นๆ เพราะยังปรับแก้ได้ เล็งเชิญเข้าชี้แจง “บิ๊กตู่”ยังไม่ระบุปรับครม.เมื่อใด “บิ๊กจิน”ยันไม่มีล็อกสเป๊กทหารนั่งรมว.ดิจิทัล สตง.เตรียมสรุปคำร้องสอบป.ป.ช. ใช้งบฯ ว่าจ้างสภาทนายความทำคดี ขัดกฎหมาย หรือไม่ ทส.โยกย้าย 19 หัวหน้าอุทยานฯ

รอบิ๊กตู่ชี้ขาด”อุตตม”คุมดิจิทัล

วันที่ 11 ธ.ค. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรักษาราชการแทน รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้พิจารณาผู้มีความเหมาะสมที่จะเข้ามารับตำแหน่งต่างๆ ที่ว่างลงด้วยตัวเอง พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้ระบุว่าจะมีการปรับในเวลาใดจึงจะเหมาะสม กระทรวงดีอีเวลานี้มีตนรักษาการ แต่อนาคตก็ต้องมีรัฐมนตรีเข้ามากำกับดูแลเพราะงานของกระทรวงจะต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้กำหนดเฉพาะว่าใครจะมารับตำแหน่ง เพราะงานของกระทรวง ดีอีซึ่งเปลี่ยนมาจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นั้นรัฐบาลได้รวมเรื่องของความมั่นคง เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมเข้าไปด้วย ดังนั้น ใครก็ตามที่เข้าใจประเด็นเหล่านี้ก็สามารถทำงานในกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ ทั้งทหารและพลเรือน ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นใคร ส่วนที่มีชื่อของนายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.ไอซีที ที่จะเข้ามารับตำแหน่ง รมว.ดิจิทัลฯ ก็ยังเป็นเพียงข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ความชัดเจนอยู่ที่การตัดสินใจ พล.อ.ประยุทธ์

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการปรับ ครม.ประยุทธ์ 4 ระหว่างนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยังใช้เวลาในการตัดสินใจเลือกบุคคลที่มี ความเหมาะสมกับตำแหน่งที่ว่างลง ทั้ง รมว.ยุติธรรม รมว.ศึกษาธิการ รวมถึง รมว.ดิจิทัลฯ และกระทรวงอื่นๆ ที่คาดว่าจะปรับเปลี่ยนเพื่อให้งานเดินหน้าตามเป้าหมายของรัฐบาล

แก้กม.พรรค-กรธ.ขอดูเหตุผล

นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ ประธานคณะ อนุกรรมการประชาสัมพันธ์และสำรวจ ความคิดเห็นประชาชนในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงการจัดเวทีเพื่อรับฟังความเห็นหลังจากเผยแพร่เนื้อหาเบื้องต้นของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า ได้ส่งหนังสือไปถึงพรรคการเมืองให้ทราบว่าจะเปิดเวทีวันที่ 14 ธ.ค.นี้แล้ว แต่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นการเชิญหัวหน้าพรรคการเมือง หรือเลขาธิการพรรค เพราะยังติดคำสั่ง คสช.ที่ไม่ให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรม แต่พรรคการเมืองสามารถมีผู้แทนมาแสดงความเห็นได้ โดยคาดว่าจะมีพรรคการเมืองมาร่วมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของทั้งหมด พร้อมมีตัวแทนจากสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และมหาวิทยาลัยเข้าร่วมแสดงความเห็นด้วย

นายชาติชายกล่าวถึงการจัดเวทีด้วยว่า ไม่เหมือนครั้งที่เคยจัดเมื่อคราวก่อนๆ เพราะครั้งนี้ได้เผยแพร่ตัวร่างเบื้องต้นแล้ว กรธ. จะอธิบายเหตุผลให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาทราบถึงการบัญญัติเนื้อหาแต่ละมาตรา แต่ยังไม่ถือว่าเป็นข้อสรุปเพราะยังสามารถปรับแก้ได้ หากมีการให้ความเห็นที่มีเหตุผล ส่วนการ รับฟังความเห็นเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.จะมีการจัดสัมมนาต่างหากในวันที่ 16 ธ.ค.นี้

แจงข้อบังคับตั้งพรรคใหม่

ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าเนื้อหาของร่างพ.ร.บ.พรรคการเมืองไม่เอื้อต่อการตั้งพรรค การเมืองใหม่ นายชาติชายกล่าวว่า เรื่องนี้มีการหารือกันมากในห้องประชุม กรธ.แต่ก็มีความเห็นตรงกันว่าพรรคการเมืองต้องมีการทำงานเป็นขั้นตอน ระเบียบแบบแผน มีความเป็นสถาบันทางการเมือง ดังนั้น การกำหนดให้มีจำนวนคนแรกเริ่ม 500 คน พร้อมทุนประเดิมคนละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาทจึงเป็นเรื่องเหมาะสม เพราะการดำเนินกิจกรรมพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ต้องมีความเป็นกิจจะลักษณะ

สงสัยให้มาถามวันที่ 14 ธ.ค.

นายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ. กล่าวกรณีพรรคการเมืองวิพากษ์วิจารณ์ร่างพ.ร.บ. พรรคการเมืองว่า ต้องถามว่าเราอยากเห็นพรรคการเมืองในอนาคตเป็นอย่างไร พรรคการเมืองต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรม เรื่องเงินจึงถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ หากสมาชิกไม่ต้องจ่ายค่าสมาชิกแล้วจะมีอำนาจบริหารพรรคหรือไม่ ที่ผ่านมาการดำเนินงานของพรรคการเมืองมีความชัดเจนมากแค่ไหน และบทลงโทษหากเขาทำไม่ถูกต้องมีอะไรบ้าง ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ กรธ.ต้องเขียนไว้ในร่างกฎหมายลูก เพื่อทำให้เกิดระเบียบ พรรคการเมืองต้องทำหน้าที่หลักในการบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลก็ตาม หากเราอยากเห็นประเทศพัฒนาไปในทางที่ดีก็ต้องเดินหน้าปฏิรูป และนี่คือส่วนหนึ่งในการปฏิรูป

นายอุดมกล่าวว่า หากพรรคการเมืองใด ยังสงสัยในหลักการหรือมีข้อเสนอแนะที่คิดว่าดีและเป็นประโยชน์ต่อการร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ก็ควรมาแสดงความเห็นในเวทีสัมมนากฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองที่ กรธ.จัดขึ้นในวันที่ 14 ธ.ค. ส่วนร่างพ.ร.บ.กกต. กรธ.กำลังทบทวนขั้นสุดท้าย คาดว่าอีกหนึ่งสัปดาห์น่าจะเสร็จสมบูรณ์ กรธ.ต้องการให้ กกต.มีบทบาทมากขึ้นในการตรวจสอบการเลือกตั้ง ทำงานแบบเป็นมืออาชีพและทำงานในเชิงรุกมากขึ้นด้วย

สนช.เล็งเชิญพรรคให้ความเห็น

ที่ท้องสนามหลวง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.พรรคการเมือง และร่างพ.ร.บ.กกต. ว่า ขณะนี้รอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้ เมื่อประกาศใช้แล้วกระบวนการก็เริ่มนับหนึ่ง เมื่อกรธ.เปิดสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.พรรคการเมืองแล้วคิดว่าไม่น่าจะเป็นร่างสุดท้ายของกรธ. ยังมีโอกาสปรับปรุงก่อนรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ส่วนตัวยอมรับว่ายังไม่ได้ศึกษาครบทุกมาตรา ส่วนความคิดเห็นของพรรคการเมืองที่เห็นต่างเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.พรรคการเมือง นายพรเพชรกล่าวว่า ยืนยันว่าต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ทั้งพรรคการเมืองและประชาชนเพื่อความมั่นคงของประชาธิปไตย ในส่วนของสนช.มีข้อจำกัด เพราะการพิจารณาต้องสอดคล้องไปกับรัฐธรรมนูญ โดยสนช.จะมีเวลา 60 วันพิจารณา หากประเด็นใดยังไม่มีข้อสรุป สนช.อาจเชิญพรรคการเมืองเข้ามาให้ความคิดเห็นอีกครั้ง ขอให้ทุกฝ่ายต้องศึกษาเนื้อหาและขอให้ทุกคนใจเย็นๆ ร่างที่เปิดมาเป็นแค่ร่างเบื้องต้น กรธ.อาจปรับปรุงใหม่ก็ได้

นายพรเพชรกล่าวว่า สำหรับคณะกรรมา ธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายลูกของสนช.นั้น เรื่องจำนวนยังไม่ลงตัวอยู่ที่ความพร้อมของกรรมาธิการ แต่สนช.กำหนดไว้ว่าสมาชิกที่จะมาเป็นกรรมาธิการต้องมีเวลาเต็มที่ คาดว่าจะมีจำนวนคณะละ 30 คน การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ที่มีเวลาจำกัดต้องมีการเก็บตัวที่ต่างจังหวัด 2-3 วัน ต้องรอให้กรธ.ส่งร่างพ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับให้สนช.ก่อน จึงจะทราบแนวทางการพิจารณา

ทุกมาตรายังไม่ใช่ข้อยุติ

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 กล่าวถึงเรื่องยาแรงในร่างพ.ร.บ. พรรคการเมืองว่า ขอให้พรรคการเมืองใจเย็นๆ อย่าเพิ่งกังวลหรือผวา ตอนนี้กรธ. ยังไม่มีกำหนดส่งร่างอย่างเป็นทางการมาที่ สนช. แม้ก่อนหน้านี้พูดคุยกับกรธ.มาตลอด กรธ.นำร่างในระดับหนึ่งมาให้สนช.ดูแล้วอย่างไม่เป็นทางการ แต่เราได้คุยว่าสิ่งใดบกพร่องก็สามารถทบทวนได้ ซึ่งกรธ.ยินดีรับฟังความเห็นทุกฝ่ายตรงกับหลักการของสนช.ในการร่างกฎหมายลูก

นายพีระศักดิ์กล่าวว่า ถ้ากรธ.เห็นไม่ตรงกับสนช.เรามีขั้นตอนต่อไปเอาไว้แล้ว ดังนั้นทุกมาตราจึงยังไม่ยุติและกรธ.เองก็ไม่ได้ยืนยันว่าต้องยืนตามที่เขาเขียนมาทั้งหมด และถ้าสนช.จะแก้ไขอะไรกรธ.ก็ไม่ขัดข้อง ดังนั้นการแก้ไขถือว่ายังทำได้แต่ต้องไม่ขัดหลักการ เช่น คำว่า “โทษ”อาจจะลดลงหรือเพิ่มมาก กว่าเดิมก็ได้ ส่วนกระบวนการกำหนดสัดส่วน จำนวนของคณะกรรมาธิการวิสามัญทำหน้าที่ร่างกฎหมายลูก ยังไม่ได้ข้อยุติ ถ้าพรรค การเมืองไหนสนใจส่งรายชื่อมาที่สนช. เรายินดีพิจารณาเพื่อความหลากหลายทางความเห็นต่อการกำหนดกติกาสำคัญ

พท.ไม่ร่วมเวทีกรธ.

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคการเมืองคงไม่มีใครเข้าร่วมเพราะเท่าที่ดูการทำหน้าที่ของ กรธ.แล้ว เข้าใจว่าไม่ได้สนใจที่จะฟังความเห็นผู้อื่นสักเท่าใด ที่ผ่านมาการถามความเห็นทำแค่เป็นพิธีกรรมให้ดูดีและพรรคการเมืองก็ได้ส่งความเห็นต่างๆ ไปมากพอสมควร แต่ก็ไม่ได้รับการนำไปพิจารณาสักเท่าไร เข้าใจว่า กรธ.และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.มีธงของตัวเองชัดเจนแล้ว คือโรดแม็ปและความต้องการของ คสช.ที่เหมือนผู้บังคับบัญชาของเขาและใส่ใจเฉพาะความเห็นของพวกของตนเป็นสำคัญ

“ถ้าใส่ใจต้องการความคิดเห็นของผู้อื่น ที่มีความเห็นต่างจากพวกตนและ คสช.จริงๆ วิธีการดึงการมีส่วนร่วมของผู้อื่น จะไม่เป็นเช่นนี้ จะตั้งใจและจริงใจจริงจังที่จะระดมความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของคนอื่นมากกว่านี้ เราคงไม่ส่งใครไปและคงไม่เข้าร่วมส่งอะไรให้อีกแล้วเพราะไม่คิดว่าจะเกิดประโยชน์อะไร อยากทำอะไรเชิญ คุณมีชัยและกรธ.ทำตามที่สบายใจ ผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หวังว่าคุณมีชัยและคณะกรธ.ทั้งชุดจะมีความกล้าหาญและรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้นกับประเทศ และควรเผชิญหน้ารับผิดชอบกับผลที่ได้ก่อให้ไว้กับประเทศนี้” นายภูมิธรรมกล่าว

ปชป.ชี้เปิดช่องใส่ร้าย

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการร่างพ.ร.บ. พรรคการเมือง มีบทกำหนดโทษที่รุนแรงและเข้มข้นว่า ส่วนตัวไม่รู้สึกวิตกกังวลหรือหวั่นไหวต่อบทกำหนดโทษที่บัญญัติไว้ในหมวด 10 ที่ครอบคลุมถึง 32 มาตราด้วยบทกำหนดโทษที่รุนแรง ทั้งจำคุก 10 ปี 20 ปี จำคุกตลอดชีวิต ไปจนถึงประหารชีวิต เพราะไม่คิดจะทำความผิดอยู่แล้ว แต่บทบัญญัติหลายมาตราตามร่างกฎหมายพรรคการเมืองก็สุ่มเสี่ยงที่พรรคการเมืองจะทำผิดกฎหมายโดยไม่เจตนา หรืออาจถูกกลั่นแกล้งจากฝ่ายตรงข้าม

นายองอาจกล่าวว่า เช่น มาตรา 22 บัญญัติว่าเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ส.ส.หรือส.ว.ให้กรรมการบริหารพรรคควบคุมกำกับดูแลไม่ให้สมาชิกหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรค กระทำการลักษณะที่อาจทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรืออาจเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด ถ้าควบคุมสมาชิกไม่ได้จนทำความผิดกรรมการบริหารต้องพ้นจากตำแหน่ง และห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรค 20 ปี และอาจถูกลงโทษจำคุกอีก 10 ปีก็ได้ ถ้าพรรคใดมีสมาชิกนับล้านคนจะควบคุมสมาชิกอย่างไร หรืออาจถูกฝ่ายตรงข้ามแฝงตัวเข้ามาเป็นสมาชิกเพื่อทำผิดจนเป็นเหตุให้กรรมการบริหารพรรคต้องออกจากตำแหน่งและถูกลงโทษจำคุกด้วย จะทำอย่างไร

จี้กรธ.เขียนกม.ที่ปฏิบัติได้จริง

นายองอาจกล่าวว่า จึงอยากฝาก กรธ.ช่วยดูถึงปัญหาอุปสรรคของการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายที่สามารถปฏิบัติได้จริงด้วย มิฉะนั้นก็อาจมีการเลี่ยงกฎหมายตั้งแต่เริ่มต้นด้วยการหานอมินีมาเป็นกรรมการบริหารพรรคแทนผู้นำพรรคตัวจริง ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยน แปลงพรรคการเมืองให้ดีขึ้นตามจุดมุ่งหมาย ของกรธ.ได้ แต่กลับสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก กรธ.ควรมีมาตรการที่ปฏิบัติได้จริงเพื่อไม่ให้มีการเลี่ยงกฎหมายเกิดขึ้น และเมื่อมีบทกำหนดโทษที่รุนแรงการให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดจึงเป็นเรื่องสำคัญที่กรธ.ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้มีการใช้กฎหมายกลั่นแกล้งกันหรือใส่ร้ายป้ายสี สร้างเรื่องเท็จเพื่อทำลายล้างทาง การเมือง

นายองอาจกล่าวว่า ร่างกฎหมายพรรค การเมืองฉบับนี้ได้ให้อำนาจกับกกต.มากพอสมควร ในการกำหนดกฎเกณฑ์ กติกา รายละเอียดต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยาน หลักฐาน เอาผิดกับผู้ถูกกล่าวหา จึงอยากฝากให้กรธ.เขียนร่างพ.ร.บ.กกต. ให้ได้บุคลากรที่พร้อมทำงานด้วยความถูกต้องเที่ยงธรรมโดยไม่ตกเป็นเครื่องมือของบุคคล คณะบุคคล พรรค การเมือง เพื่อกลั่นแกล้งทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ กกต.บางคณะในช่วงที่ผ่านมา

แจงร่างจริยธรรมองค์กรอิสระ

พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระว่า ผู้ตรวจการฯ ส่งความเห็นพร้อมข้อเสนอแนะให้คณะทำงานพิจารณายกร่างมาตรฐานจริยธรรมตามร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 เรียบร้อยแล้ว เห็นควรให้ใช้ร่างมาตรฐานจริยธรรมฉบับยาวคือร่างมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้ง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ เนื่องจากมีเนื้อหาสาระที่กำหนดจริยธรรมลักษณะต่างๆ อย่างละเอียด มีการแบ่งส่วนขององค์กรและการบังคับใช้ไว้อย่างชัดเจน ทั้งในส่วนของสาระบัญญัติและวิธีสบัญญัติ รวมถึงกำชับให้ผู้เสนอร่างฯ คำนึงถึง บริบทและลักษณะเฉพาะของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองอื่นๆ ด้วย เช่น ส.ส. ส.ว. และครม.ว่าจะมีความเป็นไปได้ในการนำข้อบังคับ ทั้งหมดไปปฏิบัติได้จริงหรือไม่

พล.อ.วิทวัสกล่าวว่า ค่านิยมหลัก 9 ประการ ของมาตรฐานทางจริยธรรมนั้น ผู้ตรวจฯ เห็นว่าควรปรับเปลี่ยนข้อที่ 8 จากเดิม “การยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ปรับเป็น “การจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” และให้นำมากำหนดเป็นข้อที่ 1 ทั้งนี้ ร่างข้อเสนอดังกล่าวต้องนำหารือที่ประชุมคณะทำงานอีกครั้งเพื่อสรุปร่างฯ และนำเสนอประธานศาลรัฐธรรมนูญและประธานองค์กรอิสระทั้งหมดพิจารณา อีกครั้ง หากเห็นชอบก็จะได้ร่างฯ ที่สามารถนำเสนอต่อส.ส. ส.ว. และครม.เพื่อรับฟังความคิดเห็นในลำดับต่อไป

รบ.แจงจ่ายเงินช่วยคนจน

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคาร กรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เริ่มจ่ายเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ คนละ 1,500-3,000 บาทแล้ว ซึ่งจะดำเนินการทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่พี่น้องประชาชน

“ผู้มีรายได้น้อยที่มีข้อมูลและคุณสมบัติครบถ้วนที่ลงทะเบียนผ่าน ธ.กรุงไทย มีจำนวน 981,000 ราย ธ.ออมสิน 2,160,000 ราย และ ธ.ก.ส. 3,840,000 ราย แบ่งเป็นผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทของทั้ง 3 ธนาคาร ซึ่งจะได้รับเงิน 1,500 บาท จำนวน 3,820,000 ราย และผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท ส่วนผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาท แต่มากกว่า 30,000 บาท ได้รับเงินช่วยเหลือ 1,500 บาทครับ” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ทั้ง 3 ธนาคารได้เริ่มโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ส่วนผู้ที่ยังไม่มีสมุดบัญชีเงินฝากได้เดินทางไปรับเงินกันอย่างคึกคัก โดยธนาคารขอเชิญชวนให้ผู้ที่ เข้าร่วมโครงการเปิดบัญชีเงินฝากได้ ณ สาขาที่สะดวก โดยไม่ต้องมีเงินฝากภายในระยะเวลาที่แต่ละธนาคารกำหนด เพื่อเร่งโอนเงินให้ผู้มีรายได้น้อยที่มีคุณสมบัติครบถ้วนโดยด่วนต่อไป ส่วนกระแสข่าวที่ปรากฏทางสื่อออนไลน์ ว่า ครม.มีมติอนุมัติให้ปรับขึ้นเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ช.ค.บ.) ร้อยละ 4 โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.59 นั้น ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ ครม.ได้มีมติปรับขึ้น ช.ค.บ.ร้อยละ 4 ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.57

“รัฐบาลห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือเกษตรกร ข้าราชการและพนักงานของรัฐ และขยายไปถึงอาชีพอื่นๆ เพื่อให้ครอบคลุมทั้งหมด แต่จะต้องอยู่บนพื้นฐานของการ ช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ ไม่สะเปะสะปะ โดยกระตุ้นให้มีการลงทะเบียนเพื่อให้มีข้อมูลที่ถูกต้อง นำไปสู่การใช้จ่ายงบประมาณด้านสวัสดิการของประชาชนอย่างตรงจุดและ มีประสิทธิภาพ เช่น รถไฟฟรี รถเมล์ฟรี” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน