พ่อแฉปมฆ่าสาวไฮโซ เปิดสัมพันธ์โก้-เชอรี่ มากกว่าเจ้านายลูกน้อง เผยเตือนแล้วไม่ฟัง!

จากกรณี น.ส.ธิติมา หรือเชอรี่ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 39 ปี ไฮโซสาวนักธุรกิจ ถูกคนร้ายใช้ไม้เบสบอลทุบศีรษะ เสียชีวิตในโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะถูกพบเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังพบว่ารถเบนซ์ รุ่นอี 220 สีบรอนซ์ ของผู้ตายถูกคนร้ายขับหลบหนีไป ต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งศาลอาญารัชดาได้อนุมัติหมายจับนายอัศยา หรือโก้ ชัยภา อายุ 33 ปี ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี ก่อนจะทราบว่าได้หลบหนีไปที่จ.จันทบุรี โดยจอดรถคันดังกล่าวทิ้งไว้

ล่าสุดวันที่ 1 ส.ค. เวลา 13.00 น. ที่ศาลา 1 วัดบางบัว แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศล ของน.ส.ธิติมาตั้งวิบูลย์พาณิชย์ ไฮโซสาวนักธุรกิจ เบื้องต้นมีเพียงครอบครัว กำลังจัดเตรียมสถานที่ภายในศาลา เพื่อรอพิธีในช่วงเย็น

โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับนายพิพัฒน์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 36 ปี น้องชายของผู้ตายได้เปิดว่า ตนค่อนข้างสนิทกับพี่สาว ที่ผ่านมาก็ติดต่อพูดคุยกันอยู่เสมอ แต่พี่สาวไม่ค่อยบอกเรื่องส่วนตัวเท่าใดนัก รวมไปถึงเรื่องของนายอัศยา ก็ไม่เคยทราบว่าคบหากัน ก่อนหน้านี้ก็เห็นนายอัศยา ทำงานงานอยู่ในบริษัทของพี่สาว แต่ก็ไม่พบพฤติกรรมที่ส่อแววว่า เป็นมากกว่าเจ้านาย และลูกน้อง แต่เพิ่งมาทราบเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา

ส่วนเรื่องเข้าพักที่โรงแรมที่เกิดเหตุ ทางครอบครัวก็ไม่ทราบ คาดว่าพี่สาวต้องการปกปิดความสัมพันธ์ระหว่างนายอัศยา ส่วนชนวนการลงมือก่อเหตุ ก็อาจจะเป็นเรื่องเงิน และผลประโยชน์

ด้านนายอำนวย วิชัยโชติ อายุ 66 ปี คุณพ่อของน.ส.ธิติมา เปิดเผยว่า ตนรู้สึกช็อกมากเมื่อได้ข่าวลูกสาวเสียชีวิต เพราะ เวลาทำธุรกิจก็ไม่เคยมีความขัดแย้งกับใคร และก็ไม่มีสัญญาณว่า จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

นายอำนวย วิชัยโชติ

นายอำนวย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ลูกสาวมีบริษัทธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ได้จัดทำโครงการอาคารเอื้ออาทรกว่า 100 ห้อง บริเวณลาดพร้าว – วังหิน ซึ่งระหว่างก่อสร้างลูกสาวก็เป็นที่รักของคนในชุมชนนั้น เพราะ เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้าน ซึ่งปกติก็ชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ

นายอำนวยกล่าวว่า ตนทำธุรกิจรับเหมาอยู่ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี แต่ลูกสาวมาทำในกรุงเทพฯ ยอมรับว่าลูกสาวเป็นคนเก่ง สามารถแยกตัวออกมาทำธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ตนก็เตือนเสมอว่า ต้องคอยระมัดระวังตัว เพราะ อาจจะมีการขัดแย้ง หรือถูกทำร้ายได้ แต่ลูกสาวก็ค่อนข้างไม่ฟังคำเตือน เพราะเชื่อมั่นในตัวเองมาก

นายอำนวย กล่าวว่า เมื่อ 2 ปีก่อน ลูกสาวเคยหายตัวไปประมาณ 2-3 วัน ตอนนั้นตนก็ถามว่าไปไหนมา เขาก็ไม่เล่ารายละเอียดให้ฟัง เป็นคนชอบเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองเสมอ ก่อนเกิดเหตุก็เป็นแบบเดียวกัน คือลูกสาวหายตัวไปติดต่อไม่ได้ จึงได้ให้ลูกชายช่วยตามหาจากสัญญาณโทรศัพท์มือถือ จนพบตัวในห้องพักดังกล่าว

นายอำนวยกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยเจอนายอัศยาที่บริษัทลูกสาว ตนเห็นแล้วก็ไม่ค่อยรู้สึกไม่ถูกชะตา เตือนลูกสาวก็ไม่ฟัง หลังเกิดเหตุก็พบว่า ชายคนนี้มีครอบครัวแล้ว โดยหลังจากที่ภรรยาจับได้ นายอัศยาก็ตัดสินใจเลิกกับภรรยาแล้วมาอยู่กับลูกสาว เบื้องต้นตำรวจได้เข้าสอบปากคำภรรยานายอัศยาแล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยข้อมูล

“ความรู้สึกของผมตอนนี้คืออยากจะเอาตัวคนร้ายมาลงโทษ นอกเหนือไปจากการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว ใจจริงอยากจะให้โดนเหมือนที่ลูกสาวโดนด้วย ให้สาสมกับการกระทำผิด” นายอำนวย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน