ญาติแห่ศพน้องหญิงขอความเป็นธรรมที่ตำรวจภาค1 จี้สอบวินัยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางปะอินที่ดูแลคดีน้องหญิง พร้อมให้โอนคดีไปให้กองปราบทำแทน เผยพยานผวาโดนยิงข่มขู่

จากกรณีเกิดการร้องเรียนว่า น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช หรือน้องหญิง อายุ 19 ปี ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ที่อ.บางปะอิน จ.อยุธยา และเสียชีวิตเนื่องจากกะโหลกศีรษะแตก สมองบวม โดยผู้ชายที่ขับรถเทรลเลอร์มาส่งน้องหญิง อ้างว่าผู้เสียชีวิตได้กระโดดลงจากรถไปเอง แต่ผลชันสูตรเบื้องต้นจากแพทย์ระบุว่า ถูกตีด้วยของแข็งไม่มีคมที่ท้ายทอย ญาติติดใจการเสียชีวิต ล่าสุดนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และพ่อของน้องหญิง เข้าพบตร.ร้องทุกข์กล่าวโทษให้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กับนายสุรพล ดาราคำ หรือ อ๊อฟ คนขับรถเทลเลอร์ ที่อยู่กับผู้เสียชีวิตเป็นคนสุดท้าย นั้น อ่านข่าว สั่งสอบสินบน3แสนล้มคดีน้องหญิง ‘ศรีวราห์’ มั่นใจเอาผิดอ๊อฟฆ่าคนตายโดยเจตนา

พ่อแห่โลงศพน้องหญิงขอความเป็นธรรม

แห่ศพประท้วง/ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นายสุบิน ยาวิราช อายุ 41 ปี และ น.ส.ภาณิศา ยาวิราช พ่อและอา ของ น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช อายุ 19 ปี หรือน้องหญิง เคลื่อนศพน้องหญิงมาที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ถึงกรณีที่มีคำสั่งที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางปะอิน ที่ดูแลคดี และขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง เนื่องจากเห็นว่าเจ้าหน้าที่ทำงานไม่โปร่งใส และให้โอนคดีมาให้กองปราบทำแทน

เข้าพบตร.

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า การเดินทางมาไม่ใช่ในเรื่องของคดี แต่ต้องการร้องเรียนให้ตำรวจภูธรภาค 1 ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางปะอินที่ดูแลคดี เพราะพยานเราถูกคุกคาม มีความพยายามที่จะอุ้มตัวพยานไปทำการสอบพยาน

ส่วนเรื่องเงินที่มีข่าวว่ามีการจ่ายให้ทำคดี 3 แสน เรารู้ว่าใครเป็นคนรับ แต่เอามาพูดไม่ได้ และรุ้ง พยานในคดี ถูกยิงขู่ที่บ้านมา 2 วันแล้วบอกตรงๆ เลยว่าเรากลัว

ด้านพล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง รองผบช.ภ.1 รับหนังสือร้องเรียนที่นายอัจฉริยะ นำมายื่นให้พร้อม กล่าวว่า ขณะนี้ขอให้เวลากับคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาสอบสวนเรื่องรับเงินก่อน เพื่อความโปร่งใสชัดเจน อย่างไรก็ตามทางเราก็ต้องการพยานหลักฐานที่ชัดเจน

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ความปลอดภัยเราถูกคุกคามแล้วจะเชื่อได้อย่างไร จะมอบพยานหลักฐานไปให้ได้อย่างไร ขอร้องเรียนให้สั่งย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้องและพวก ออกไปจากพื้นที่ เพื่อไม่ให้มาแทรกแซงกับตัวคดีอีก

ด้าน พล.ต.ท.สุวัฒน์ กล่าวว่า จากที่ได้ฟังคำชี้แจงจากนายอัจฉริยะนั้น ก่อนหน้านี้มีคำสั่งให้ถูกย้ายไป ปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการจังหวัด แต่ยังพบเห็นภาพตามสื่อต่างๆ ว่า ทางผกก.สภ.บางปะอิน ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของคดีอยู่ จึงจะสั่งย้ายผกก.สภ.บางปะอินกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง มาปฎิบัติราชการที่ตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมให้ทำหนังสือชี้แจงที่เข้าร่วมประชุมที่ปรากฎเป็นภาพเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน ซึ่งได้พูดคุยในเบื้องต้นไปแล้ว

ทราบว่าถูกเรียกตัวไปส่งมอบสำนวนคดี จึงอยากให้ญาติผู้เสียชีวิต เชื่อมั่นในการสืบสวนสอบสวนที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการทำงาน ส่วนคลิปเสียงเรียกรับเงิน 3 แสนบาทนั้น ชุดทำงานอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ส่วนการตั้งคณะกรรมการวินัยร้ายแรง ต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนไม่ต่ำกว่า 15 วัน

ขณะเดียวกัน นายสุบิน กล่าวว่า มีความกังวลใจในเรื่องของคดี เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หากขั้นตอนต่อไปนี้จะเป็นไปอย่างที่ทางพล.ต.ท.สุวัฒน์ ชี้แจงไว้ ทางครอบครัวก็สบายใจมากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน