เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วธ. เป็นประธานแถลงข่าวจัดเสวนา “รวมพลังบันทึกจดหมายเหตุแห่งชาติ เนื่องในงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” โดยมีนายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม รวมทั้งช่างภาพมืออาชีพ ช่างภาพจิตอาสาเข้าร่วม
น.ส.นันทกา พลชัย รักษาการผู้อำนวยการสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับการบันทึกจดหมายเหตุถือได้ว่าเป็นการบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ทางสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติได้ทำการบันทึก จดหมายเหตุแห่งชาติ เนื่องในงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในทุกวัน และมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และช่างภาพอาสาสมัครจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เข้ามามีส่วนร่วมในการถ่ายภาพและบันทึกเหตุการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ประชาชนเข้ามามีบทบาทในการบันทึก ทั้งยังจะมีความสมบูรณ์ในทุกเหตุการณ์ สำหรับภาพที่ส่งมาที่สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ขอให้เป็นภาพเหตุการณ์จริงเป็นหลัก และระบุบข้อมูลของเหตุการณ์ ข้อมูลของผู้ถ่ายภาพ ส่วนการตกแต่งภาพสามารถตกแต่งได้แต่ขอให้คงความเหมือนจริง
นอกจากการบันทึกจดหมายเหตุฉบับประชาชนที่มีการจัดทำอย่างต่อเนื่องแล้วยังมี จดหมายเหตุที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมการ โดยนำต้นแบบการบันทึกจดหมายเหตุงานพระบรมศพของพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 ร.6 และร.8 มาเป็นต้นแบบในการดำเนินการ 5 ภาค ประกอบด้วย ภาคพระราชประวัติ ภาคประชวร ภาคพระราชพิธีบำเพ็ญกุศล ภาคขั้นตอนการจัดเตรียมงาน และภาคงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ด้านนายวีระ กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการเสวนาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ทางกระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการรวบรวมภาพเหตุการณ์ ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว จากในส่วนกลาง ต่างจังหวัด และต่างประเทศ เพื่อจัดทำจดหมายเหตุฉบับราชการและจดหมายเหตุฉบับประชาชน โดยได้ประสานกับสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ศิลปินแห่งชาติด้านการถ่ายภาพและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขณะนี้มีช่างภาพที่จะทำหน้าที่บันทึกภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ทั้งหมด 480 คน มีจำนวนภาพส่งเข้ามายังกระทรวงวัฒนธรรมกว่า 40,000 ภาพ และจัดส่งภาพจำนวนดังกล่าวให้แก่ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกภาพ เพื่อใช้ในการจัดทำจดหมายเหตุและคัดเลือกภาพถ่ายจากจำนวนดังกล่าวมาจัดนิทรรศการ “ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” และนำภาพไปจัดแสดงตามภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งในต่างประเทศ นอกจากนี้ ตนมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมบันทึกถ้อยคำแสดงความอาลัยบนป้ายตามบริเวณเส้นทางทั่วประเทศ เพื่อร่วมบันทึกในจดหมายเหตุด้วย
ภาพ จากกระทรวงวัฒนธรรม
