เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ขณะที่ ร.ต.อ.ธีรภัทร ศรีพจน์ธรรม สารวัตร ตำรวจทางหลวงชุมพร พร้อมด้วย รถสายตรวจทางหลวงกำลังขับรถตรวจบนถนนเพชรเกษม สังเกตเห็นรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส จากด้านหลังไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน กำลังวิ่งบนถนนเพชรเกษม หมู่ที่ 1 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงเรียกให้หยุด แต่คนขับรถยาริสกลับเร่งความเร็วหลบหนี พร้อมระดมกำลัง ตำรวจทางหลวง ตำรวจท้องที่ ออกไล่ติดตาม
เมื่อมาถึงสี่แยกปฐมพร อ.เมือง จ.ชุมพร คนร้ายเลี้ยวไปยัง จ.ระนองบนถนนเพชรเกษม ไปถึงตำบลจปร. อ.กระบุรี เจอด่านทหารตำรวจชื่อด่านจปร. คนร้ายขับแหกด่าน เลี้ยวกลับมายังถนนเอเชีย 41 มุ่งหน้า จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนชนกับรถกระบะที่สี่แยกปฐมพร การไล่ล่าเป็นไปด้วยความระทึก คนร้ายใช้ความเร็วสูงมาก จนมาถึงสี่แยกเขาปีป อ.ทุ่งตะโก ก่อเหตุชนกับรถจักรยานยนต์ 1 คัน พังยับเยิน และรถกระบะอีก 1 คัน คนร้ายยังไม่ยอมหยุดยังขับรถด้วยความเร็วสูงมุ่งหน้าลงใต้ ในขณะที่มีรถตำรวจทางหลวง และตำรวจท้องที่ไล่ติดตาม สร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้ที่พบเห็น และผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างยิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนไล่ล่าคนร้ายร่วม 6 คัน มาถึงสี่แยกหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร คนร้ายขับฝ่าไฟแดงที่สี่แยกหลังสวน เมื่อมาถึงหน้าป้อมตำรวจเพนียด ริมถนนเอเซีย 41 อ.หลังสวน จ.ชุมพร คนร้ายขับพุ่งชนรถกะบะ รถหมุนกลางถนนจนรถวิ่งต่อไม่ได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หลังสวน ตรวจค้นพบว่าภายในรถ มีนายนิวัฒน์ชัย ตั้งสัจจะมงคล อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/75 หมุ่ที่ 8 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี เป็นคนขับพร้อมแฟนสาวอายุ 23 ปีชาว จ.สุราษฏร์ธานี ทำงานเป็นพริตตี้นั่งมาด้วย ตรวจสอบพบมีทะเบียนรถถึง 3 แผ่น ตัวเลขไม่ตรงกัน แต่ภายในรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมายนอกจากซองพลาสติกคล้ายซองใส่ยาเสพติด
นายนิวัฒน์ชัย ให้การว่า มีอาชีพเป็นช่างซ่อมระบบไฟฟ้าในรถยนต์ ที่อู่แห่งหนึ่งในกทม. เคยถูกดำเนินคดียาเสพติดและกำลังอยู่ระหว่างถูกคุมประพฤติคดียาเสพติด โดยตนขับรถมาจากกทม.จะไปส่งแฟนสาวที่ จ.สุราษฏร์ธานี เมื่อมาถึงจ.ชุมพร เห็นตำรวจทางหลวงชุมพรเรียกตรวจ จึงกลัวความผิดที่มีอยู่ จึงตัดสินใจหลบหนี แต่ตำรวจยังไม่เชื่อ คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับขบวนการบางอย่าง ซึ่งจะได้ตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รวมระยะทางที่นายนิวัฒน์ชัยขับรถหลบหนีประมาณ 200 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ 5 อำเภอ ของ จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหานายนิวัฒน์ชัย หลายข้อหา อาทิ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ ขับรถประมาทหวาดเสียว ขับรถชนรถผู้อื่นจนเกิดความเสียหาย ควบคุมไว้ดำเนินคดี ส่วนพริตตี้แฟนสาวตำรวจสอบปากคำกันไว้เป็นพยาน