จากกรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ในคดีอาญา หมายเลขดำ ที่ อ.1863/61 ข้อหา ยักยอกทรัพย์ รับของโจร ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้นัดทั้ง 2 ฝ่าย มาไต่สวนมูลฟ้อง นัดแรก เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. นัดที่สอง วันที่ 29 มิ.ย. นัดที่สาม วันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา และวันนี้ 20 ส.ค.61 ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้นัดไต่สวนมูลฟ้องอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นเมื่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความส่วนตัวของหมวดจรูญ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ครูปรีชารับสารภาพแล้ว” ทำให้เกิดกระแสฮือฮาเป็นอย่างมาก โดยตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายษิทรา พร้อมด้วย ร.ต.ท.จรูญ รวมทั้งนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความ และนายปรีชา ฝ่ายโจทก์ ก็ได้เดินทางมาถึงศาลในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยในวันนี้ศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องที่บัลลังก์ 7
อ่านข่าว ปิดเกมคดีหวย 30 ล้าน ทนายลุงจรูญเผย ครูปรีชารับสารภาพแล้ว
อ่านข่าว โพสต์สุดท้ายคดีหวย 30 ล้าน ทนายลุงจรูญชี้คนชั่วต้องรับผลกรรม
ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 20 ส.ค. นายษิทรา ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้การไต่สวนครูปรีชา ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ต้องขอบอกสื่อมวลชนก่อนว่า วันนี้ทางโจทก์ได้ขอให้ศาลวางกำหนดเพิ่มจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่ถ้าหากใครสงสัยก็ขอให้ย้อนกลับไปดูข้อความที่ตนโพสต์เอาไว้วันนี้ ขอให้ย้อนกลับไปอ่านดู และนั่นคือข้อเท็จจริงในคดี ส่วนกรณีที่เคยบอกเอาไว้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า จะมีการเซอร์ไพรส์ครูปรีชา มาถึงตอนนี้แล้วไม่สามารถพูดได้ เพราะศาลได้วางกำหนดเอาไว้ แต่การที่ตนโพสต์ก็สามารถนำไปยันหลักฐานต่างๆ ได้ว่า คุณลุงจรูญไม่ใช่เป็นคนไปเก็บหวยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การโพสต์ของทนายครั้งนี้ จะมีผลกับคดีหรือไม่ นายษิทรา ตอบว่า ชัดเจนมาก แต่มีน้ำหนักที่ชัดเจนตั้งแต่การนัดไต่สวนมูลฟ้องเมื่อครั้งที่แล้ว แต่คราวนี้เป็นเพียงแค่การช่วยเสริมของครั้งที่แล้วเท่านั้น ถามว่าเรื่องคลิปที่ว่านี้คือเขาไม่ได้นำมาสืบในชั้นศาลอยู่แล้วตรงนี้มันจะมีผลอะไรหรือไม่ นายษิทรา ตอบว่า อย่างที่ตนโพสต์ไปแล้วว่า ผมไม่ขอพูดซ้ำใหม่อีกรอบหนึ่ง จริงๆ แล้วไม่มีคลิป ไม่ใช่ลุงจรูญก้มเก็บหวย ตนพูดอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ถามว่าแล้วหลังจากนี้จะทำอย่างไรกับครูปรีชา นายษิทรา ตอบว่า เราก็ได้มีการดำเนินคดีอย่างที่ตนบอกไปว่า ยิ่งเขาสร้างพยานหลักฐานเท็จมากมายเท่าไหร่ เราก็สามารถดำเนินคดีกับเขาได้เรื่อยๆ ก็บอกได้เลยว่า ตัวเองทำอะไรไว้ ก็จะได้รับผลกรรมตามนั้น
ขณะที่ หมวดจรูญ พูดกับสื่อมวลชนเพียงสั้นว่า วันนี้พอใจ พอใจในการดำเนินการของทนาย ตนพอใจมากๆ จากนั้นทนายษิทรา พูดเสริมขึ้นมาว่า ให้ผู้สื่อข่าว ไปถามฝ่ายครูปรีชาก็แล้วกันว่า ใครพูดอะไรในศาล หรือว่าใครยอมรับอะไรในศาล
ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าข้อมูลที่นำไปโพสต์ นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ นายษิทรา ตอบว่า เมื่อคนที่อ้างว่าได้มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นแล้ว แต่ภายหลังมารับสารภาพในศาลว่าไม่เคยเกิดขึ้นเลย อันนี้สื่อมวลชนก็ต้องนำไปคิดเอาเองว่าความน่าเชื่อถือมันอยู่ตรงไหน ถามว่าครูปรีชา ยอมรับต่อหน้าศาล ใช่หรือไม่ นายษิทรา ตอบว่า ก็อย่างที่ตนโพสต์ไป แต่ไม่สามารถพูดได้ ส่วนการซักถามครูปรีชาในวันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะตรงตามเป้าที่คิดไว้ ทั้งหมด
ด้าน นายวรยุทธ ทนายความครูปรีชา กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีเหตุการณ์ เกิดขึ้นเนื่องจากหลังจากมีทนายท่านหนึ่ง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ทางเราจึงได้ร้องขอให้ศาล เพิ่มเติมการวางข้อกำหนด คือนอกจากการนำเอกสารต่างๆ อะไรออกมาเผยแพร่ไม่ได้แล้ว เราได้ขอให้เพิ่มข้อกำหนดในส่วนของข้อเท็จจริง ในการพิจารณาคดีด้วย เพราะว่ามันทำให้เกิด การจูงใจของประชาชน ศาลท่านก็เห็นด้วย เลยวางข้อกำหนดใหม่ว่า ไม่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริง หรือข้อความใดๆ ต่างๆ ในการพิจารณา ต่อไปนี้ห้ามนำมาโพสต์ และห้ามเสนอ โดยเฉพาะพวกพยานหลักฐานหรือบทความ หรือเอกสารที่นำส่งศาล หรือแม้กระทั่งรายงานกระบวนการพิจารณาต่างๆ ไม่สามารถทำได้แล้ว สำหรับการโพสต์ของทนายตั้มวันนี้คงเป็นวันสุดท้าย โดยวันที่ 24 ก.ย.นี้ ที่ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง เราเตรียมพยานเอาไว้ทั้งหมด 4 ปาก ซึ่งเป็นประจักษ์พยานทั้งหมด
ส่วนการที่ทนายตั้มออกมาโพสต์บอกว่าครูปรีชา รับสารภาพนั้น บอกเลยว่าไม่มี เพราะคำว่าการรับสารภาพ จะต้องใช้กับคนที่เป็นจำเลยเท่านั้น ไม่ใช่มาใช้กับโจทก์ ซึ่งทั้งหมดไม่ได้เป็นไปตามที่เขาโพสต์ กล่าวหาเราแต่อย่างใด สำหรับบรรยากาศที่บัลลังก์ในวันนี้ถือว่าดีมาก
จากนั้นครูปรีชาได้พูดเสริมขึ้นมาว่า วันนี้ได้นำข้อเท็จจริงให้กับกระบวนการยุติธรรมขึ้นสู่ศาล ส่วนเรื่องหนังสือก็ฝากไปด้วยเพราะหนังสือนี้เขียนด้วยแรงบันดาลใจ เนื้อหาจะเป็นแง่คิดเกี่ยวกับคดีความซึ่งต่อไปนี้ทุกคนอาจจะมีเรื่องของคดีความ ก็จะได้รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร วางชีวิตอย่างไร และเราจะมีสติอย่างไร ที่เราจะอยู่กับคดีความอย่างมีความสุข อย่างเช่นคนชื่อครูปรีชา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ครูปรีชา เห็นโพสต์ ชื่อทนายษิทรา โพสต์ลงในเฟสบุ๊กแล้วหรือยัง ครูปรีชาตอบว่า “โพสต์ต่างๆ ส่วนใหญ่ครูจะไม่ได้ดู เพราะว่าอะไรที่เป็นขยะ สมองครูก็จะไม่รับ” ถามว่าช่วงนี้กำลังใจเป็นอย่างไรบ้าง ครูปรีชา ตอบว่า อารมณ์ดียอดเยี่ยมและมีความสุขมาก และหลังจากนี้เป็นต้นไปถ้าใครไปโพสต์ว่าตนสารภาพ โปรดรับรู้ไว้ด้วย เราเป็นโจทย์ จะไม่มีการรับสารภาพอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ฝ่ายโน้น ออกมาโพสต์ว่าครูปรีชารับสารภาพ ตรงนี้ครูปรีชาเอง งง หรือถามตัวเองหรือไม่ ว่าเราไปรับสารภาพตอนไหน”ครูปรีชาตอบว่า การโพสต์เช่นนี้ ประชาชนก็จะได้รู้ว่า ฝ่ายไหนกันแน่เป็นฝ่ายที่พูดจาเชื่อถือได้ หรือไม่ได้
โดยนายวรยุทธ กล่าวเสริมว่า ณ เวลานี้สถานภาพเรายังเป็นโจทก์อยู่ ในส่วนของการจะดำเนินคดีอะไรต่างๆ ก็ให้ทุกคนใช้สิทธิ์ตามกฎหมายได้เลย เพราะฝ่ายเราก็จะใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเช่นกัน แต่ผมยังไม่ได้พูดว่าจะฟ้องร้องกลับฝ่ายโน้นที่ออกมาโพสต์
“แต่ผมพูดว่าจะใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ถ้าเขาเห็นว่าการนำสืบพยานของเราก่อให้เกิดความเสียหายกับเขาไม่ว่าใครก็ได้ ก็สามารถไปใช้สิทธิ์ตามกฎหมายได้เลย แต่ถ้าเรารู้ว่าในการดำเนินคดีของเขาหรือการดำเนินการของเขาเราได้รับความเสียหาย เราก็ใช้สิทธิ์ของเราไป มันเป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ซึ่งวันนี้ทางฝ่ายจำเลย ก็ร้อง ให้ศาลนัดไต่สวนให้เร็วขึ้น แต่ว่าศาลท่าน ไม่ใช่เจ้าของสำนวน ก็ไม่สามารถพิจารณาได้ต้องรอเจ้าของสำนวนพิจารณาเท่านั้น” นายวรยุทธ กล่าว