เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 18 ธ.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ 66 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศล โดยช่วงเช้ามีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ได้แก่ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์, สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง และสถาบันคุ้มครองเงินฝาก

s__15851556

เวลา 07.00 น. นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เป็นประธานบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากนั้นถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร และวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 17 ธ.ค.2559

s__15851542

จากนั้นเวลา 10.30 น. นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม จำนวน 8 รูป จากวัดอนงคารามราชวรมหาวิหารและวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ซึ่งมีคณะในสังกัดกระทรวงการคลัง ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ, ธนาคารออมสิน, กองทุนการออมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

s__15851537

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันที่ 49 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อย เดินทางมาต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ โดยในเวลา 04.45 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี

s__15851555








Advertisement

ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุรอย่างหาที่สุดมิได้ และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

s__15851553

สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 22.35 น. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอเข้ากราบพระบรมศพในมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 49,464 คน รวม 48 วัน มี 1,873,981 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,514,262.25 บาท รวม 48 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 147,114,287.25 บาท

s__15851551

นางสว่าง มั่นใจ อายุ 74 ปี พสกนิกรจาก จ.ระยอง เปิดเผยว่า เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ กับลูกสาวและเพื่อนบ้าน 10 คน และเข้าคิวเพื่อสักการะพระบรมศพในเวลา 05.00 น. แม้จะมาแต่เช้าแต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยใดๆ เมื่อก้าวเข้าไปในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้ว ทุกอย่างดูงดงามสมพระเกียรติ ทำให้ตนรู้สึกซาบซึ้ง น้ำตาไหลลงมาไม่รู้ตัว และคิดถึงพระองค์

นางสว่าง มั่นใจ อายุ 74 ปี

นางสว่าง มั่นใจ อายุ 74 ปี

นางสว่าง กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวไม่เคยได้รับเสด็จฯพระองค์มาก่อน อยู่บ้านก็ไม่ค่อยได้ไปไหน มีแต่ได้ติดตามพระราชกรณียกิจในโทรทัศน์ เห็นพระองค์ทรงทำงานหนัก ไม่ได้หยุดหย่อน ทั้งขุดคลอง สร้างสะพาน บุกป่าไปต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และคำสอนเรื่องประหยัด มัธยัสถ์ ที่เรายึดใช้ตลอดเวลา ส่วนตัวเป็นเกษตรกรปลูกมันขาย ดำรงชีวิตก็ได้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงพอใช้ เรามีน้อยก็กินน้อย

ด.ญ.บุณฑริก เกตุแก้ว อายุ 13 ปี

ด.ญ.บุณฑริก เกตุแก้ว อายุ 13 ปี

ด.ญ.บุณฑริก เกตุแก้ว อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นม.1 โรงเรียนศรีราชา จ.ชลบุรี กล่าวว่า ดีใจที่มีบุญได้มาสักการะพระบรมศพสักครั้งหนึ่ง ได้ติดตามครอบครัวมาในวันนี้ หลังงจากในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคต ที่บ้านทุกคนก็เสียใจ ผู้ใหญ่ในครอบครัวก็ร้องไห้ให้เห็นตลอดเวลา โดยตนก็มีโอกาสได้ร่วมแปรอักษรเทิดพระเกียรติพระองค์ และไปเก็บขยะในสวนสาธารณะถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งต่อจากนี้ก็จะขอยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างที่ครูสอน ปลูกผัก ประหยัดต่อไป

นางสุวิมล ชินชำนาญ อายุ 36 ปี และเพื่อน

นางสุวิมล ชินชำนาญ อายุ 36 ปี และเพื่อน

ขณะที่ นางสุวิมล ชินชำนาญ อายุ 36 ปี พสกนิกร จาก จ.กระบี่ เดินทางมาโดยเครื่องบิน พร้อมเพื่อน น.ส.สุธาสินี วงษ์นา อายุ 38 ปี เผยหลังจากที่ได้เข้าสักการะพระบรมศพว่า รู้สึกตื้นตันใจที่ได้เข้ากราบพระองค์ใกล้ขนาดนี้ พระองค์ท่านเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนมามาก เกิดมาก็มีในหลวง ร.9 อยู่ในใจแล้ว ตอนเสด็จสวรรคตรู้สึกใจหายมากๆ น้ำตาไหลไม่รู้ตัวเวลาผ่านไปร่วมสองเดือนแล้วยังเศร้าใจไม่หาย แต่จะเปลี่ยนความเศร้าเหล่านั้นมาปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคม โดยน้อมนำปรัชาญาด้านเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักดำเนินชีวิต

นางสอน โสมพันธุ์ และเพื่อนเกษตรกร

นางสอน โสมพันธุ์ และเพื่อนเกษตรกร

ด้านนางสอน โสมพันธุ์ เกษตรกรจากจังหวัดสุพรรณบุรี อายุ 69 ปี ชักชวนกลุ่มเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันประมาณ 10 คน เหมารถตู้รับ-ส่ง นักเรียน เดินทางสักการะพระบรมศพ หลังจากใช้เวลาเตรียมตัวกันนานถึงหนึ่งเดือน เปิดเผยว่า ตนจ้างรถตู้ที่รู้จักกันออกจากบ้านมาตั้งแต่สี่ทุ่มถึงสนามหลวงราวตีสอง โดยเตรียมความพร้อม ศึกษาเส้นทางมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย พวกเราเป็นชาวไร่ชาวนา ไม่มีเสื้อผ้าสุภาพเหมาะสมกับงานพระราชพิธีเช่นนี้ จึงหาชุดและรองเท้าที่สุภาพ เพื่อให้สมพระเกียรติกับในหลวง ร.9

s__15851535

“พวกเราเป็นชาวไร่ชาวนา ปลูกข้าวปลูกอ้อยเป็นอาชีพหลัก ไม่เคยมีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จพระองค์เลยสักครั้ง เห็นแต่ในโทรทัศน์ แต่ก็รักและเทิดทูลพระองค์มาก รักในความดีของพ่อหลวง ซึ่งมีเยอะมากจนหาที่เปรียบไม่ได้ ทุกวันนี้เรามีที่ทำกินมีน้ำไว้ทำการเกษตร ก็เพราะเป็นสิ่งที่พระองค์ท่านช่วยพัฒนาจนพวกเราอยู่ดีกินดี ซึ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสิ่งใกล้ตัวที่พวกเรา สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง” นางสอน กล่าว

ที่เต็นท์อาหารพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน

สำหรับเมนูวันนี้ประกอบด้วย มื้อเช้า เวลา 07.00 น. ต้มเลือดหมู 1,500 ถ้วย ข้าวไข่ตุ๋นทรงเครื่อง 1,000 ถ้วย กาแฟสด 2,500 แก้ว นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวัน เวลา 11.00 น.ข้าวน้ำพริกเผาไก่ทอด 1,000 จาน ข้าวผัดไก่ขิงอ่อนทรงโปรด 1,500 จาน ข้าวผัดวุ้นเส้นทรงเครื่องไข่เค็ม 1,500 จาน ข้าวคั่วกลิ้งหมูน้ำพริกไข่เจียวชะอม 1,600 จาน ขนมจีนน้ำยากะทิปักษ์ใต้ไข่ต้ม 400 ถ้วย ก๋วยเตียวเรือโกฮับ 3,000 ชาม มื้อบ่าย เวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 ชุด ข้าวเหนียวหมูทอด ข้าวเหนียวไก่ทอด 1,000 ห่อ เฉาก๋วย 1,000 ถุง มื้อเย็น เวลา 18.00 น.เกี้ยมอี๋น้ำ 3,000 ชาม บวดมัน บวดฟักทอง 1,000 ถ้วย และมีน้ำดื่มสมุนไพร 700 ลิตร น้ำดื่มจิตรลดาให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน

ที่เต็นท์หน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณท้องสนาม ฝั่งทิศเหนือ บริเวณทางเข้าที่ประชาชนจะเดินเข้ามารอภายในเต็นท์ก่อนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงห่วงใยในพสกนิกรที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีรับสั่งให้มีหน่วยแพทย์พระราชทาน มาดูแลสุขภาพประชาชนเป็นประจำทุกวัน ต่อเนื่องจนครบ 100 วัน

สำหรับวันนี้ มีหน่วยแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล เภสัชกร และบุคลากร จากโรงพยาบาลธนบุรี 1 จำนวน 17 คน แพทย์ พยาบาล จากโรงพยาบาลตรัง จ.ตรัง จำนวน 5 คน มาให้บริการดูแลประชาชนตลอดทั้งวัน โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลได้เผยว่า ประชาชนที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพส่วนใหญ่มีอาการวิงเวียนศีรษะคล้ายเป็นลม และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ยังมีอาสาสมัครที่เข้ามาใช้บริการรักษาบาดแผล เนื่องจากมีดบาดจากการประกอบอาหารด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน