เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพีรพล หรือเปา ยศพงศ์อนันต์ อายุ 21 ปี นายอัครเดช หรืออั๋น ทัศนะ อายุ 22 ปี นายมนต์มนัส หรือเต้ย แสงโพธิ์ อายุ 21 ปี นายจตุพร หรือเบียร์ จันทร์โสภา อายุ 18 ปีเศษ นายเมฆ พลไกรษร อายุ 19 ปี นายอรินทร์หรือเตอร์ ยศพงศ์อนันต์ อายุ 19 ปี และน.ส.ณัฐณิชา หรือเกม ฤทธิ์ล้ำเลิศ อายุ 18 ปีเศษ เป็นจำเลยที่ 1-7 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธและร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุอันควร

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2559 เวลากลางวัน พวกจำเลยบุกเข้าไปในบ้านพักของสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 35 ปี ชายพิการ อาชีพส่งขนมปังร้านปังหอม ในซอยโชคชัย 4 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. แล้วใช้อาวุธมีดแทงฟันนายสมเกียรติจนถึงแก่ความตาย

โดยวันนี้ นางทองคำ ศรีจันทร์ มารดาของนายสมเกียรติ ซึ่งเข้าเป็นโจทก์ร่วมเดินทางมาศาล พร้อมด้วย นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ รวมถึงญาติและผู้มาให้กำลังใจกว่า 20 คน ขณะที่ศาลเบิกตัวจำเลยทั้ง 7 มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง

วันนี้ศาลสอบคำให้การจำเลยทั้ง 7 ซ้ำอีกครั้ง โดยจำเลยทั้งหมดยังขอให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี โดยในวันนี้ฝ่ายโจทก์ขอศาลนำพยานเข้าเบิกความจำนวน 24 ปาก ส่วนจำเลยขอนำพยานเข้าเบิกความ 12 ปาก ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตและให้กำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ปากแรกในวันที่ 18 กรกฎาคม 2560

นายอนันต์ชัย กล่าวภายหลังว่า ในวันนี้ศาลให้โอกาสสอบคำให้การจำเลยซ้ำอีกครั้ง แต่จำเลยก็ยังให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี โดยอ้างเหตุต่อสู้คดีในเรื่องของการทะเลาะวิวาท ซึ่งตนก็ยินดีที่จำเลยให้การปฏิเสธ เพราะจะเป็นผลดีต่อผู้เสียหายและการพิสูจน์ความจริง เพราะหากจำเลยรับสารภาพตอนนี้ ศาลก็จะต้องลดโทษลงกึ่งหนึ่ง อีกทั้งจำเลยอาจจะได้ลดโทษเนื่องจากเป็นเยาวชน แต่เมื่อจำเลยไม่ลดโทษหากศาลตัดสินมาก็จะต้องรับโทษเต็มตามที่ศาลมีคำพิพากษา ส่วนหากจำเลยมาเปลี่ยนกลับคำให้การในภายหลังจากที่มีการสืบพยานไปแล้ว ศาลก็อาจจะไม่ลดโทษให้ได้ เนื่องจากเป็นการรับสารภาพโดยจำนนต่อพยานหลักฐาน

เมื่อถามว่า ในส่วนของจำเลยที่เป็นผู้หญิงให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ นายอนันต์ชัย กล่าวว่า ในวันนี้ตนนำพยานหลักฐานใหม่ที่ปรากฏภาพจำเลยผู้หญิงเดินเข้าหากลุ่มจำเลยผู้ชายทั้ง 6 ขณะก่อเหตุ ซึ่งในวันที่ 18 ก.ค.2560 ตนจะขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ปากแรกด้วยตัวเอง และการพิจารณาคดีนี้ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์จำเลยต่อเนื่องเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคม 2560 จึงคาดว่าคดีจะมีคำพิพากษาภายในปี 2560 ส่วนเรื่องความเสียหายทางแพ่ง ญาติผู้เสียหายได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมเพื่อเรียกค่าเสียหายแก่จำเลยทั้ง 7 คน ประมาณ 1 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน