จากกรณีอาคารไทยยานยนตร์ มิตซู จำกัด สาขาสุขุมวิท 87 สูง 8 ชั้น เลขที่ 2225 ซอยสุขุมวิท 87 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจากเขตพระโขนง กทม. เกิดถล่มลงมาในระหว่างการรื้อถอนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และสูญหายอีก 2 ราย คือ นายบุญแจ้ง เลศละออง อายุ 46 ปี และนายไพร คะนุนรัมย์ อายุ 38 ปี ซึ่งต่อมาทีมกู้ภัยพบว่าได้เสียชีวิตแล้วตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร เริ่มปฏิบัติการกู้ร่างผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย ที่ติดอยู่ภายในซากอาคารที่ถล่ม โดยนายบรรจง เหลืองรัตนมาศ รอง ผอ.สำนักการโยธา เปิดเผยว่า ภารกิจในตอนนี้ของกรุงเทพมหานครคือการนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากที่เกิดเหตุ การเข้าหาจุดที่ร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่เราก็จำเป็นต้องทำงานด้วยความรอบคอบปลอดภัย อย่างที่ทราบกันว่าอาคารหลังนี้เกิดวิบัติและอยู่ในสถานะที่ไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ สภาพปัจจุบันยังคงที่อยู่ แต่เป็นการคงที่ที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักที่ถูกต้อง
สิ่งที่ต้องคือเราต้องเข้าจุดที่ร่างผู้เสียชีวิตอยู่อย่างคงที่ไม่ให้กระทบกระเทือนกับอาคารรอบข้าง ซึ่งเมื่อวานนี้ อ.ธเนศ จากวิศวกรรมสถาน ก็ได้มาให้คำแนะนำกับเราในการเข้าไปหาจุด สิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือต้องลดความเสี่ยงจากการกระเทือน ก็คืออย่างที่เราเห็นว่ายังมีแผ่นคอนกรีตอยู่สองแผ่นที่ยังค้างอยู่ ก็มีคำแนะนำว่าเราควรจะต้องนำแผ่นนี้ลงมาสู่พื้นดินก่อน การลงก็ควรจะต้องลงเพื่อไม่ให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อตัวอาคารรอบข้าง
“สิ่งที่ต้องทำตั้งแต่เช้าก็คือเราลดน้ำหนักในแผ่นพื้นที่ไม่จำเป็นออกตามคำแนะนำของวิศวกรรมสถาน ซึ่งเราลดน้ำหนักเกือบจะเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือเราจะต้องตัดแผ่นคอนกรีตบางส่วนเพื่อให้ค่อยๆลงเพื่อแนบพื้นตามที่มีการแนะนำ อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้ปลอดภัยสูงสุดก็คือการทำงานต้องไม่เกิดแรงกระเทือนต่ออาคารรอบข้าง สิ่งที่เราทำงานอยู่เราทำด้วยความตั้งใจที่จะไม่ให้เกิดแรงกระเทือนต่ออาคารรอบข้างเลย เพราะฉะนั้นอาจจะมีความรู้สึกว่าเราค่อยๆทำ อันนี้ก็ต้องยอมรับว่าใช่ เพราะเราทำด้วยความระมัดระวัง ปัจจุบันเราดูแลอาคารนี้อยู่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงสภาพหรือไม่ มีการเปลี่ยนอะไรไหม ตลอดระยะเวลาในการทำงานเพื่อให้เกิดความรอบคอบสูงสุด ผมขออนุญาตเรียนว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนตั้งใจทำงานด้วยความรอบคอบเพื่อให้เกิดความปลอดภัยตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่าต้องการให้นำร่างผู้เสียชีวิต ออกมาโดยเร็วโดยที่ทุกคนต้องปลอดภัย” นายบรรจง กล่าว
นายบรรจง กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีความกังวลของประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบว่าหลังจากที่ค้นหาร่างผู้เสียชีวิตแล้วทางกรุงเทพมหานคร จะเข้ามาควบคุมการรื้อถอนเองหรือจะให้ผู้รับเหมาดำเนินการเองต่อนั้น ขณะนี้กรุงเทพมหานครกำลังพิจารณาว่าหน้าที่ต่อไปเป็นหน้าที่ของผู้ใดในการมาดำเนินการต่อ
ซึ่งตอนนี้ก็มีการพิจารณาหารือเพื่อพิจารณาในส่วนของการดำเนินการต่อ เราไม่ได้หยุดการทำงานเรายังคงทำอยู่ แต่ไม่ว่าใครจะเข้ามารื้อถอนต่อ เราเองหรือผู้รับจ้างต่อจากนี้ก็จะต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง เราต้องมั่นใจ 100 เปอร์เซ็น ว่าไม่เกิดผลกระทบต่ออาคารข้างเคียง ต้องมีระบบที่มั่นใจว่าทำงานแล้วไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใด ซึ่งปัจจุบันภารกิจนี้ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ จริงๆภารกิจในการรื้อถอนอาคารเป็นของผู้รับจ้าง เพราะฉะนั้นการที่กรุงเทพมหานครจะเข้าไปดำเนินการใดๆเราก็ต้องดูข้อกฎหมายด้วยว่าเรามีอำนาจมากน้อยแค่ไหน
ด้านนายยุทธพันธุ์ มีชัย เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครจะทำทุกวิถีทางที่จะให้ผู้ที่อยู่อาศัยในอาคารข้างเคียง ได้มีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของกรุงเทพมหานครว่าเราทำตามหลักวิชา เราทำงานด้วยความละเอียดและรอบคอบ ทุกส่วนในของอาคารเราได้เข้าไปสำรวจมาแล้ว โดยทางสำนักงานโยธาและทางสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย มีผู้เชี่ยวชาญร่วมการวางแผนกับเจ้าหน้าที่ของเรา ยืนยันว่าเราจะไม่ทอดทิ้งท่านแน่ เราจะอยู่และกำกับการดำเนินการนี้ให้ปลอดภัยที่สุด
ต่อมาเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่นำสายแบบพลาสติก สีขาว-แดง ปิดกั้นไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยังบริเวณโดยรอบ ส่วนความคืบหน้าในการรื้อถอนนั้น เจ้าหน้าที่นำรถแบคโฮแบบมือกล พยายามบีบซากปูนของตัวอาคารให้ละเอียดทีละส่วนอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบต่อศพที่ติดอยู่ภายใน โดยมีเจ้าหน้าที่ป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยคอยฉีดน้ำอยู่เป็นระยะ ไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจายขณะกำลังรื้อถอน
จากนั้นเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เดินทางตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่กู้ศพ 2 คนงานที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารทรุดในซอย สุขุมวิท 87 พร้อมทั้งให้กำลังใจครอบครัวของผู้เสียชีวิต
พล.ต.อ.อัศวิน เปิดเผยว่า กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการนำศพขึ้นมาให้ได้โดยเร็วที่สุด คาดว่าจะใช้เวลา 4 ชั่วโมง แล้วเสร็จในเวลา 20.00 น. ของคืนนี้ แต่อย่างไรก็ตามการทำต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่จะลงไปนำศพขึ้นมาเป็นสำคัญ ส่วนอุปสรรคคือการก่อสร้างที่ใช้สายสลิงรองรับน้ำหนัก หากไม่ระมัดระวังอาจมีการถล่มเพิ่มขึ้น และในส่วนของญาติผู้เสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจะมีการจัดรถส่งศพไปบำเพ็ญกุศลยังบ้านเกิด และมีเงินช่วยเหลือ 15,000 บาท ต่อไป
โดยในวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 10.00 น. กทม. เชิญผู้แทน บริษัทไทยยานยนต์ เซลล์แอน เซอร์วิส เจ้าของอาคาร มาหารือการรื้อถอนอาคารในส่วนที่ไม่ปลอดภัย ร่วมกับสำนักการโยธา สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และจิตอาสา ที่สำนักการโยธา กทม.2(ดินแดง)
ด้านนายประสาร พิทักษ์วรรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม. กล่าวถึงสาเหตุถล่มของอาคาร ว่า เนื่องจากอาคารดังกล่าวเป็นอาคารที่มีพื้นแบบโพสเท็นชั่น รับน้ำหนักด้วยสลิง การจะรื้อถอนต้องรื้อจากชั้นบนลงมาและ ต้องมีการค้ำยันเพื่อรับน้ำหนักอย่างน้อย 3 ชั้นขึ้นไป ในการรื้ออาคารดังกล่าวผู้รื้อดำเนินการรื้อผิดขั้นตอน ไม่ทำตามที่วิศกรออกแบบไว้ จึงทำให้อาคารถล่มลงมา
