จากกรณีที่เกิดเหตุชายคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนบังคับจับแม่และภรรยา ขังไว้ในบ้านของตัวเอง หมู่ 1 บ้านดงเค็งชุมชนสัมพันธ์สุข ต.บ้านจั่น อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี (อ่าน : ระทึก! หนุ่มคลั่งใช้ปืนจี้แม่-เมีย ขังในบ้าน 11 ชม. ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา-รอชิงตัวประกัน) โดยเหตุดังกล่าวเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 17.00 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่เข้าดูแลเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น พบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายวรพจน์ ที่อยู่ในอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายภรรยา และมีอาวุธปืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือแม่ออกมาจากนั้นพยามช่วยเหลือตัวประกันอีกราย มีการโยนแก๊สน้ำตาเข้าไปภายในบ้าน
จนเมื่อเวลา 22.15 น. เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ตำรวจได้ตัดสัญญาไฟฟ้า ภายในบ้าน แล้วพบเห็นนายวรพจน์ ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงยีนขายาวตัวเดียว เหน็บอาวุธปืนสั้นที่เอว ได้กระโดดออกมาจากห้องใต้หลังคา กระโดดลงหลังคาครัว แล้วกระโดดลงพื้นวิ่งหลบหนีเข้ามาในบ้านเลขที่ 414 ซึ่งอยู่ติดกันและนางวรรณภา ได้มาพักอาศัยหลบอยู่กับเพื่อนบ้าน ซึ่งมีคนแก่และคนป่วยอาศัยอยู่ ตำรวจต้องขนย้ายผู้ป่วยและนางวรรณภา ซึ่งอยู่ในอาการช็อกตกใจออกมาจากบ้าน และนำส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แต่นายวรพจน์ ก็ได้วิ่งย้อนกลับเข้าบ้านตัวเอง และหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านอีกครั้ง เวลา 22.45 น. ตำรวจได้โยนแก๊สน้ำตาเข้าไปอีก 1 ลูก แต่ยังไม่พบความเคลื่อนไหวภายในบ้าน
จนในเวลา 00.15 น. วันที่ 20 ธันวาคม หน่วยคอมมานโดตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 9 นายได้สวมหน้ากากกันแก๊สน้ำตา หลังจากได้โยนแก๊สน้ำตาแล้วจึงบุกเข้าไปช่วย น.ส.ละอองดาว ตัวประกัน ซึ่งได้รับบาดเจ็บนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนชั้นล่างจากการถูกนายวรพจน์ ทำร้ายร่างกายจนไม่สามารถลุกได้ ซึ่งตำรวจที่บุกเข้าไปช่วยได้อุ้ม น.ส.ละอองดาว ออกมา จนถูกแก๊สน้ำตาเข้าตาและหายใจติดขัด เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเมธาธรรม ได้รับตัว น.ส.ละอองดาว ต่อจากตำรวจ ส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี พบว่าตามร่างกายมีร่องรอยปูดบวมเขียวช้ำเพราะถูกทำร้าย
หลังช่วยตัวประกันได้แล้ว ตำรวจได้ปิดล้อมบ้านเอาไว้ พร้อมกับเปิดไฟสปอร์ตไลน์ส่องสว่าง แล้วต่อสัญญาณไฟภายในบ้านให้กลับมาสว่าง และบุกเข้าไปในบ้านพบว่านายวรพจน์ ได้หลบหนีขึ้นไปฝ้าเพดาน จึงได้ทำการเปิดฝ้าเพดานทุกแผ่นซึ่งมีห้องลับดัดแปลงอยู่ใต้เพดาน กระทั่งเวลา 02.35 น.หลังจากแก๊สน้ำตาจางลง ตำรวจเข้าไปตรวจค้นพบนายวรพจน์ หลบซ่อนตัวอยู่ภายในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอนแม่ สภาพสวมกางเกงในเพียงตัวเดียว และไม่พบอาวุธปืน 9 มม. ซึ่งนายวรพจน์อ้างว่า ขณะวิ่งหลบหนีตำรวจปืนได้หล่นหายแล้ว หลังจากนั้นจึงได้ควบคุมตัวนายวรพจน์ ไป สภ.เมืองอุดรฯ
ในเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “ทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว ” หากตรวจค้นและพบอาวุธปืนจะแจ้งข้อหา” มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป
