“สมหมาย” ปิดจ๊อบทำงานวันสุดท้ายก่อนเกษียณ ทลายเครือข่ายยานรก ยึดยาบ้ากว่า 3.5 ล้านเม็ด กัญชา-ไอซ์อีกเพียบ รวมมูลค่ากว่า 755 ล้าน โว “ชัยยะสยบไพรี” ตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ 13 คดี มูลค่าของกลางรวมกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท ขอประชาชนยอมรับ “กัญชา” รักษามะเร็งได้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พร้อมชุดสืบสวน แถลงผลจับกุมคดียาเสพติดสำคัญ 3 คดี มีผู้ต้องหา 6 คน พร้อมยึดยาบ้ากว่า 3.5 ล้านเม็ด กัญชา 161 กิโลกรัม ไอซ์ 5 กิโลกรัม เคตามีน 10 กรัม พร้อมมูลค่าทรัพย์สินและยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ มีมูลค่ากว่า 755 ล้านบาท

โดยคดีแรกตำรวจสามารถสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด และจับกุม นายทนงชัย แซ่รี อายุ 25 ปี และ นายสมชาย แซ่ย่าง อายุ 26 ปี ทั้ง 2 คนเป็นชาว จ.น่าน โดยจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนสายเอเชีย ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พร้อมยาบ้า 24 กระสอบ รวมเป็น 3,600,000 เม็ด และยาไอซ์ 5 กิโลกรัม

ผบช.ปส.แถลงจับยาเสพติดรายสำคัญ 3 คดี

ผบช.ปส.แถลงจับยาเสพติดรายสำคัญ 3 คดี

สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชาวม้ง จ.น่าน จะลักลอบนำยาเสพติดจากภาคเหนือใส่รถกระบะ เพื่อนำไปส่งยังพื้นที่ในจ.พระนครศรีอยุธยา จึงตั้งด่านตรวจสอบ พบรถกระบะ ยี่หัอเชฟโรเลต ทะเบียน บย5038 พระนครศรีอยุธยา ต้องสงสัยจอดก่อนถึงด่าน จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบของกลางทั้งหมด จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนจากภาคเหนือให้นำของกลางไปส่งให้ลูกค้าในภาคกลางโดยได้ค่าจ้าง 300,000 บาท

นอกจากนี้ ยังสามารถจับกุม นายสมพร หรือ นุ่น อุ่นสกุล อายุ 31 ปี พร้อมพวก รวม 3 คน พร้อมยาบ้า 84,000 เม็ด, ยาไอซ์ 108 กรัม, ยาเค น้ำหนัก 10.7 กรัม, อาวุธปืน 4 กระบอก และเครื่องกระสุน 95 นัด โดยจับกุมนายสมพร กับพวกได้ที่ลานจอดรถภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในอ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า นายตู่ได้ว่าจ้างให้นำยาเสพติดไปส่งในพื้นที่ต่างๆ

ยาบ้าของกลางที่สามารถตรวจยึดได้

ยาบ้าของกลางที่สามารถตรวจยึดได้

และจับกุม นายปิติพงษ์ เพราพริ้ง อายุ 67 ปี พร้อมกัญชาน้ำหนัก 161 กิโลกรัม ได้ที่บริเวณริมถนน 4 แยก บ้านห้วยเสียด อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี โดยตำรวจพบรถบรรทุกทะเบียน ผค8374 สุราษฎร์ธานี ต้องสงสัย โดยในส่วนบรรทุกเป็นตู้ทึบ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจอดอยู่ริมถนน โดยผู้ต้องหาให้การรับว่า กัญชาทั้งหมดเป็นของตนเอง

พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวภายหลังการแถลงข่าวว่า ตนภูมิใจการทำหน้าที่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ สิ่งสำคัญคือได้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดีร่วมกันปฏิบัติงาน ไม่ได้ยึดแนวทางการปราบปราม และบำบัดเพียงอย่างเดียว แต่ยังตัดวงจรการเงินซึ่งถือเป็นต้นทางของเครือข่ายยาเสพติด

ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมหลังสืบทราบว่าจะมีการส่งยาเสพติด

ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมหลังสืบทราบว่าจะมีการส่งยาเสพติด

พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวต่อว่า โดยการปฏิบัติการ “ชัยยะสยบไพรีสามารถตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ 13 คดี จับกุมผู้ต้องหา 463 ราย ตรวจยึดทรัพย์สินได้ 1,472 รายการ รวมมูลค่ายาเสพติดและทรัพย์สิน 2.7 หมื่นล้านบาท โดยจะเห็นว่ามีการจับยาเสพติดได้จำนวนมากขึ้นในแต่ละครั้ง ทั้งนี้ ยืนยันว่ายาเสพติดที่จับได้ในแต่ละคดี จะต้องส่งไปยังคลังยาเสพติด องค์การอาหารและยา (อย.) ภายใน 1 สัปดาห์ และเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็จะนำไปเผาทำลาย ไม่มีใครสามารถเอาออกมาได้ เช่นเดียวกับการที่องค์การเภสัชกรรมที่จะขอกัญญาไปวิจัยเพื่อรักษาทางการแพทย์ยังต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบ และส่งมอบอย่างเข้มงวด

บุกรวบผู้ต้องหาส่งยาเสพติด

บุกรวบผู้ต้องหาส่งยาเสพติด

พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวด้วยว่า กัญชารักษามะเร็ง ขอให้คนไทยยอมรับได้แล้ว เพราะอยากให้ได้รับการรักษาที่ดี ไม่ใช่ให้ต่างประเทศนำสมุนไพรของไทยนำไปวิจัยและใช้ในการรักษา ขณะที่คนไทยนำไปเผาทิ้งโดยไม่เกิดประโยชน์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน