ศาลตัดสินประหารชีวิต ทีมฆ่าเสี่ยโรงอิฐชื่อดังเมืองกระบี่ เมื่อปี 58 โดยหนึ่งใน 5 เป็นภรรยาผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้จ้างวานฆ่าสามีตัวเอง ขณะที่จำเลยทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ ศาลลดโทษจำคุกตลอดชีวิต

จากรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนายชรินทร์ ธนโชติพานิช อายุ 48 ปี เจ้าของโรงอิฐ ชรินทร์อิฐบล็อก ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่ เสียชีวิตภายในบ้านพัก ม.3 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ ขณะนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อน และลูกน้อง รวม 4 คน โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงทะลุกระจกบ้านโดนเข้าที่กลางหลังผู้ตายรวม 9 แผลเสียชีวิต ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 11 ก.ค.58 ที่ผ่านมา

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ก.ค.58 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุไว้ได้รวม 5 คน ประกอบด้วย นายมนูญ เทพรักษ์ อายุ 43 ปี นายบุญนาค ทรัพย์แสง อายุ 30 ปี นายวัชรินทร์ จากพันธ์ อายุ 30 ปี นายพรเทพ สังข์คุ้ม อายุ 29 ปี และ นางบุษกร ธนโชติพาณิช อายุ 45 ปี ภรรยาผู้ตาย พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซองที่ก่อเหตุ 1 กระบอก กระสุน 3 นัด และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ โดยกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร

โดยในเบื้องต้น นางบุษกร ภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นผู้ต้องหาจ้างวาน ยังไม่ยอมให้การใดๆ ต่อเจ้าหน้าที่ จึงควบคุมตัวส่งเจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ (ในขณะนั้น) ระบุว่า จากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ ทราบว่า นางบุษกร ภรรยาของนายชรินทร์ เป็นผู้จ้างวานเนื่องมีปัญหาทะเลาะกับผู้ตายบ่อยครั้ง และถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง จึงได้ให้นายมนูญ ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทจัดหาคนมายิงนายชรินทร์ โดยตกลงค่าจ้างกันที่ 80,000 บาท โดยนางบุษกร จ่ายเงินให้ก่อน 5,000 บาท เพื่อเป็นค่าเตรียมการลงมือ แต่ในชั้นสอบสวนนางบุษกรไม่ยอมให้การใดๆ

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 29 ธ.ค.59 นายสุวรรณ วงศ์อิสรภาพ ทนายความของผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 59 ศาลจังหวัดกระบี่ ได้อ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ 4122/2558 ให้จำเลยที่ 1-5 ประกอบด้วย นายมนูญ เทพรักษ์ นายบุญนาค ทรัพย์แสง นายวัชรินทร์ จากพันธ์ นายพรเทพ สังข์คุ้ม และ นางบุษกร ธนโชติพาณิช (ภรรยาผู้ตาย) มีความผิดตามคำฟ้องในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร จึงพิจารณาลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้ง 5 เสีย สำหรับจำเลยที่ 1-4 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ในชั้นสอบสวน ให้ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นภรรยาผู้ตาย ได้ให้การเป็นประโยชน์ในชั้นพิจารณา ศาลพิจารณาลดโทษให้ 1 ใน 3 คือ จำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ศาลฯ ยังได้พิพากษาให้จำเลยทั้ง 5 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทย์ร่วมเป็นเงินจำนวน 6.3 ล้านบาทด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน