ผัวซาดิสม์! แค้นเมียขอหย่า สาดน้ำกรด ทิ้งวาจาอำมหิต”เสียโฉม…แฟนใหม่จะรักไหม”

ผัวซาดิสม์! สาดน้ำกรด / วันที่ 5 ก.ย. ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป. สั่งการให้พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก .ป. พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก .4 บก.ป.พ.ต.ท.ยุทธิวัสส์ กล่่ากล่อมจิตร พ.ต.ท.เนติ วงศ์กุหลาบ พ.ต.ท.มนูญ แก้วก่่า รองผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.อนุชา ศรีส่าโรง สว.กก.4 บก.ป.

ร่วมกันจับกุมนายธนดล ทวีสุข อายุ 49 ปี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 221 / 2561 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2561 ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยกระทำทารุณโหดร้าย ได้ที่หน้าร้านขายต้นไม้ ริมถนนสายบางบอน 3 ซอย 5 แขวงบางบอน เขตบางบอน

พ.ต.อ.แมนกล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2560 สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุมีคนถูกสาดน้ำกรดได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านอยู่เจริญ ม.10 ต.วัดประดู่ อ.เมือง ที่เกิดเหตุพบ น.ส.ศศิธร (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี มีแผลพุพองตามใบหน้าและแขนทั้งสองข้าง ต่อมาสืบสวนจนทราบว่า ผู้เสียหาย เพิ่งแยกทางกับสามีคือนายมานิตย์ แซ่เอี๊ยะ อายุ 44 ปี เพราะว่าทนความหึงหวงของสามีไม่ไหว

โดยขณะอยู่กินด้วยกันนายมานิตย์ไม่ยอมให้ น.ส.ศศิธร ออกจากบ้านพักไปไหนมาไหน นอกจากนี้ยังถูกทำร้ายร่างกายอย่างต่อเนื่องด้วยความหึงหวง จน น.ส.ศศิธร ทนไม่ไหวต้องขอหย่า

พ.ต.อ.แมนกล่าวต่อว่า ปรากฏว่าหลังจากหย่ากันแล้ว นายมานิตย์ก็ยังแสดงอาการหึงหวงไม่ให้น.ส.ศศิธร ไปมีแฟนใหม่ พร้อมขู่อาฆาตไว้ว่า “หากถูกน้ำกรดสาดเสียโฉม ดูซิแฟนใหม่จะยังรักอยู่หรือไม่”

ซึ่งหลังจากหย่ากันแล้วทั้งสองฝ่ายก็ตกลงเรื่องการดูแลลูกชาย ว่า ทุกวันศุกร์น.ส.ศศิธร ต้องพาลูกชายไปส่งให้กับนายมานิตย์ดูแล และรับกลับทุกเย็นวันอาทิตย์ โดยนัดเจอกันที่ริมถนนปากทางเข้าหมู่บ้านจุดเกิดเหตุ

กระทั่งวันที่เกิดเหตุนายมานิตย์ได้ใช้โทรศัพท์ของลูกชายโทร.มาแจ้งให้น.ส.ศศิธรมารอรับลูกตามปกติ น.ส.ศศิธรจึงขับรถจักรยานยนต์ไปรอรับ ขณะที่จอดรถรอก็มีคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดตรงหน้าแล้วสอบถามทางว่า “ทางนี้ไปได้มั้ย” ก่อนใช้น้ำกรดสาดใส่ใบหน้าและลำตัวของน.ส.ศศิธรจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ต่อมาหลังเกิดเหตุก็มีการจับกุมนายมานิตย์ ไว้ได้ โดยรับสารภาพว่าเป็นผู้จ้างวานให้นายธนดล ผู้ต้องหารายนี้เป็นผู้มาลงมือสาดน้ำกรดอดีตภรรยาของตนเอง ก่อนที่จะตามจับกุมได้ดังกล่าว เบื้องต้นสอบสวนนายธนดล ให้การปฏิเสธอ้างว่าตนมีอาชีพขายต้นไม้อยู่ที่กรุงเทพฯ และก็ไม่เคยเดินทางไปที่จ.สุราษฎร์ธานี แต่อย่างใดทั้งสิ้น จึงส่งตัวให้สภ.เมืองสุราษฎร์ รับตัวไปดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน