ไม่รอด! อัยการสั่งฟ้อง ‘โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร’ คดีเช็คกรุงไทย!
ไม่รอด! – 10 ต.ค. 09:30 น. อัยการฝ่ายคดีพิเศษ4 สำนักงานอัยการสูงสุด รัชดาฯ นัดสั่งฟ้องหรือไม่? ในคดี ร่วมกันฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้ ธ.กรุงไทย-กฤษดามหานคร กับ นายพานทองแท้ ชินวัตร (หรือโอ๊ค) , นางกาญจนา หงษ์เหิร และสามี พร้อมพวกรวม 3 คน
- อ่าน : โอ๊ค พานทองแท้ ดอดพบ “ดีเอสไอ”พร้อมพวก รับทราบข้อกล่าวหาคดีฟอกเงินกรุงไทย
- อ่าน : โอ๊ค แฉซ้ำ คดีเช็กคนดัง ลั่นสองมาตรฐาน โชว์หลักฐานเงินเข้าบัญชี พล.ร.ท!
- อ่าน : ปปง.กล่าวโทษ “โอ๊ค” ระบุ ส่งหลักฐานคดีฟอกเงินธ.กรุงไทย ให้ “ดีเอสไอ” ครบแล้ว
- อ่าน : ตามคาด! ดีเอสไอ ส่งฟ้อง “โอ๊ค พานทองแท้” คดีฟอกเงินกรุงไทย ให้อัยการแล้ว
ล่าสุด 10.00น. ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้มีคำสั่งฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงิน ที่มีการรับเช็คจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งจะฟ้องเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปี 2542 มาตรา 5,9 และ 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 ปี 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 ปี 2526 มาตรา 4
ทั้งนี้ ความผิดฐานฟอกเงินมีโทษจำคุก 1-10 ปี ซึ่งมีอายุความไม่เกิน 15 ปี
สำหรับกรณีเช็ค 26 ล้านบาท อัยการมีความเห็น สั่งไม่ฟ้องนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 และไม่ฟ้องนางเกศินี จิปิภพ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งความเห็นส่วนนี้อัยการก็จะต้องส่งสำนวนพร้อมความเห็นดังกล่าวกลับไปให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งกับอัยการหรือไม่ อย่างไร โดยในส่วนของนางเกศินี ผู้ติองหาที่ 1 นั้น ความเห็นสั่งไม่ฟ้องดังกล่าวก็เป็นไปตามความเห็นดั้งเดิมของพนักงานสอบสวนตั้งแต่ต้น
ส่วน นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน อดีตภริยาของนายทักษิณ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาที่ 2 กับนายวันชัย หงษ์เหิน สามีผู้ต้องหาที่ 3 นั้น อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องฐานฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงินโดยบุคคลทั้งสอง ตามสำนวนการสอบสวนก็กล่าวหาเฉพาะการรับเช็ค 26 ล้านบาทเท่านั้น การสั่งคดีของอัยการส่วนนี้จึงครบถ้วนแล้ว
ซึ่งวันนี้ อัยการก็จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คือ นายพานทองแท้ นางกาญจนาภา และนายวันชัย ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ ต่อไป
ด้าน นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแถลงว่า สำหรับคดีที่กล่าวหานายพานทองแท้กับพวกนั้น คณะทำงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้พิจารณาแล้วมีความเห็นสั่งฟ้องนายพานทองแท้ ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน กรณีเช็คจำนวน 10 ล้านบาท ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,9,60 ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91และพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4
มีความเห็นสั่งฟ้องนางกาญจนาภา และนายวันชัย ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน กรณีเช็คจำนวน 26 ล้านบาท ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,9,60 ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91และพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4
แต่คณะทำงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายพานทองแท้ ฐานสมคบ กันฟอกเงิน และ ร่วมกันฟอกเงิน กรณีเช็คจำนวน 26 ล้านบาท ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,9,60 ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10
นายประยุทธกล่าวว่า อัยการจะแยกฟ้องนายพานทองแท้ เนื่องจากเป็นการกระทำผิดกรณีเช็ค 10 ล้านบาท สำหรับในส่วนข้อหาที่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนั้นก็จะส่งกลับไปให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษว่าพิจารณาว่า เห็นด้วยหรือเห็นแย้งกับอัยการต่อไป