สืบลุมพินีรวบสาวนะยะ ลวงสวมกอดฝรั่ง ก่อนฉกกระเป๋าไปดื้อๆ

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. พ.ต.อ.อัครวุฒ ธารีรัตน์ ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.กัมปนาท เศรษฐ์ฤทธิกุล รองผกก.ป.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.นเรนทร์ เครื่องสนุก รองผกก.สส.สน.ลุมพินี รับแจ้งมีเหตุลักทรัพย์ภายในซอยสุขุมวิท 4 จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบนายชีดรัค สุไลมาน ชาวออสเตรเลีย ผู้ก่อเหตุเป็นสาวประเภทสอง สวมชุดเดรสสีน้ำตาล ใส่แว่นตาทรงกลมสีดำ สะพายกระเป๋าสีทองแบบผู้หญิง ได้เข้ามาโอบกอดและพูดคุยกับผู้เสียหายก่อนเดินจากไป ต่อมาผู้เสียหายจึงตรวจสอบทรัพย์สินพบว่ากระเป๋าสตางค์หายไป

จากการสอบถามผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า ในกระเป๋ามีทรัพย์สิน 3 ชิ้น ได้แก่ กระเป๋าสตางค์สีดำ 1 ใบ บัตรเดบิตระบุชื่อในบัตรผู้เสียหาย และใบอนุญาตขับขี่ของประเทศออสเตรเลีย

ต่อมาตำรวจชุดจับกุมจึงตรวจหาบริเวณโดยรอบ พบผู้ต้องสงสัยทราบชื่อภายหลังคือนายวัชรา ขำเกตุ อายุ 27 ปี อยู่บริเวณหน้าโรงแรมย่านสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีลักษณะรูปพรรณตรงตามที่ผู้เสียหายแจ้งไว้ จึงได้ขออนุญาตตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบใบอนุญาตขับขี่ของประเทศออสเตรเลียระบุชื่อผู้เสียหาย

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่า ใบขับขี่ดังกล่าวเป็นของชายชาวต่างชาติ ซึ่งได้ล้วงกระเป๋าสตางค์มาจากผู้เสียหายภายในซอยนานา ภายในกระเป๋าสตางค์มีเงิน 300 ดอลลาร์ออสเตเรียและบัตรอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นนำกระเป๋าสตางค์ดังกล่าวไปทิ้งไว้ในถังขยะด้านหลังปั๊ม ซอยสุขุมวิท 4 ส่วนเงินผู้ต้องหาได้นำไปใช้จนหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดที่ทิ้งกระเป๋าสตางค์ตามที่ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพ พร้อมทั้งผู้เสียหายชี้ยืนยันตัวผู้ต้องหาและตรวจสอบทรัพย์สินพบว่า ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายอย่างแน่นอน

จาการสอบถามผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุล้วงกระเป๋าผู้เสียหายจริง โดยไม่ได้ประกอบอาชีพ จากการซักถามขยายผลผู้ต้องหารับสารภาพว่าเคยก่อเหตุลักษณะเช่นนี้มาหลายครั้ง ตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยจะทำทีเข้าไปพูดคุย และโอบกอดนัวเนีย จากนั้นจึงฉวยโอกาศล้วงเอาทรัพย์สินและของมีค่าไป จากการตรวจสอบประวัติไม่เคยต้องโทษคดีอาญามาก่อน เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืนให้ทราบพร้อมนำตัวมายังสน. ลุมพินีเพื่อบันทึกจับกุมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านพล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผบก.น.5 กล่าวว่า เบื้องต้นสั่งการให้ไปค้นบ้าน พร้อมทั้งตรวจสารเสพติด เบื้องต้นยังไม่มีความผิดเพิ่มเติมและขยายผลยังไม่พบประวัติ จึงได้สั่งการเพิ่มเติมถึงแนวทางป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น โดยชุดสืบสวนให้เน้นเฝ้าระวังบุคคลกรณีสาวประเภทสองที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง โดยให้นำตัวมาทำประวัติไว้ก่อน เพื่อป้องกันเหตุลักษณะดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้นได้

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน