เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 ก.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย นำผู้เสียหายเข้าร้องขอความช่วยเหลือ ต่อพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ หลังได้รับความเดือดร้อนจากการลงทุนในธุรกิจโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน

201609201405041-20150129150635

นายสามารถ กล่าวว่า การเดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือในวันนี้ สืบเนื่องเมื่อปี 2557 บริษัทดังกล่าวใช้วิธีการจัดสัมมนาเชิญชวน โดยอ้างว่าจะให้คนมาร่วมกันบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสและผู้ที่มีความเดือดร้อนทางการเงิน แล้วจะได้รับผลตอบแทนสูงโดยผู้ที่จะลงทุนจะสามารถลงทุนในรูปแบบการบริจาคเงิน ผ่านโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นในระบบออนไลน์ โดยทางโครงการอ้างว่าหลังจากลงทุนในระบบไปแล้วภายใน 18 วัน จะได้รับเงินทุนคืนทั้งหมด และทุกวันช่วงระหว่างรอเงินทุนคืนนั้น จะได้รับดอกเบี้ยหรือเงินตอบแทนร้อยละ 3 ต่อวัน

นายสามารถ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการจัดงานสัมมนา โดยมีคนมาร่วมจำนวนมาก และทำกิจกรรมบริจาคตามหน่วยงานสถานสงเคราะห์ต่างๆ และมีการถ่ายภาพลงในเว็บไซต์และโลกออนไลน์ของโครงการ จึงทำให้ผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อ ซึ่งล่าสุดมีผู้หลงเชื่อแล้วทั่วประเทศรวมกว่า 1,500 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท โดยผู้เสียหายที่เดินทางมาในวันนี้มีผู้ที่ลงทุนมากที่สุดถึง 5 ล้านบาท และน้อยสุด 100,000 บาท

ด้าน นางศรีปัญญา บุญญาธิการ หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนร่วมลงทุนกับโครงการดังกล่าวเมื่อปี 2557 โดยมีเพื่อนในจ.ภูเก็ตมาชักชวนไปร่วมสัมมนาและหลงเชื่อ เนื่องจากเห็นว่ามีคนมาร่วมสัมมนาเป็นจำนวนมาก อีกทั้ง ยังดูรูปแบบแล้วไม่น่าจะเป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะเป็นลักษณะของการบริจาคเพื่อช่วยเหลือสังคม แต่ได้เงินกำไรมาเป็นผลตอบแทน ซึ่งช่วงแรกตนได้รับเงินคืนทั้งในระยะรายวันและเงินทุนทั้งหมด จากนั้น จึงได้ลงทุนต่อจากทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท กลายเป็น 3 ล้านบาท กระทั่งต่อมา ทางโครงการก็อ้างว่าโปรแกรมที่ใช้บริจาคและจ่ายเงินปันผลต้องปรับปรุงระบบ ซึ่งไม่สามารถร่วมลงทุนได้ และบริษัทก็บ่ายเบี่ยงที่จะคืนเงินให้ตามที่ได้สัญญาไว้

นางศรีปัญญา กล่าวต่อว่า จึงทำให้ตนรู้ตัวว่าถูกหลอก จากนั้น ก็มีคนมาชักชวนให้ร่วมลงทุนในลักษณะดังกล่าวอีก แต่เปลี่ยนชื่อใหม่และยังโฆษณาว่าเป็นคนละบริษัท ระบบมีความเที่ยงตรงกว่า และเป็นของแท้จากผู้ก่อตั้งในประเทศมาเลเซีย ทำให้ตนหลงเชื่อและร่วมลงทุนอีกครั้ง จนมูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท ดังนั้น จงอยากขอให้ดีเอสไอได้ช่วยเหลือและจัดการกับบริษัทดังกล่าว เพราะหลังจากแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จ.ภูเก็ตก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน