เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 ม.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย น.ส.บี อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีค้ามนุษย์ และนางเอ (นามสมมติ) มารดา อายุ 42 ปี สายล่อซื้อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแม่ฮ่องสอน เข้าพบพ.ต.อ.มานะ กลีบสตบุศย์ รองผบก.ปคม. เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ดำเนินคดีกับนายด.ต.นายหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในข้อหาค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเครือข่ายบังคับเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้ค้าประเวณี

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนพาผู้เสียหายในคดีค้ามนุษย์มาร้องขอความเป็นธรรม และแจ้งความดำเนินคดีกับดาบตำรวจ ผู้อยู่เบื้องหลังเครือข่ายบังคับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ขายบริการให้กับนักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน รวมถึงข้าราชการในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีเครือข่ายที่ขายบริการไม่ต่ำกว่า 20 คน โดยให้วัยรุ่นเสพสารเสพติดอีกด้วย เมื่อวัยรุ่นสาวติดสารเสพติดแล้วจึงบังคับให้มาค้าบริการ ซึ่งปลายปี 59 ได้จับกุมแม่เล้า 2 คน คือน.ส.ปิยะวรรณ และน.ส.ปิยะทัศน์ ที่เป็นเครือข่ายของดาบตำรวจ ซึ่งน.ส.บี ไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีนี้ เนื่องจากกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของตำรวจภูธรภาค 5 ไม่ได้สืบสวนขยายผลต่อไปถึงนนายดาบตำรวจ ซึ่งมีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติเกินฐานะที่เป็นดาบตำรวจ จึงมาแจ้งความให้ดำเนินคดีกับตำรวจนายนี้

น.ส.เอ มารดาของน.ส.บี ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อในคดีค้ามนุษย์ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 17 ปี กล่าวว่า ช่วงเวลาปลายปี 2557 ต่อเนื่องจนถึง ปลายปี 2559 ลูกสาวของตนชื่อน.ส.บี ได้ถูกบังคับขืนใจให้ค้าบริการทางเพศ จากกลุ่มของน.ส.ปิยะวรรณ และน.ส.ปิยะทัศน์ ซึ่งน.ส.ปิยะวรรณตั้งตัวเป็นแม่เล้าและเป็นธุระจัดหาวัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่เป็นนักเรียนและนักศึกษาในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เบื้องหลังมีนายตำรวจชั้นประทวนยศดาบตำรวจ และน.ส.ปิยะทัศน์ เป็นผู้จัดหาหญิงสาวอีกสายในการจัดหาวัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้ทำการค้าประเวณี โดยน.ส.ปิยะวรรณ และน.ส.ปิยะทัศน์ จะหักค่าหัวคิวครั้งละ 1,000 บาทต่อลูกค้า 1 ราย หากเด็กสาวคนใดไม่ยินยอมจะถูกน.ส.ปิยะวรรณข่มขู่ทำร้ายร่างกาย โพสต์ประจานทางสื่อสังคมออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊ก และแอพลิเคชั่นไลน์ จนทำให้เด็กสาวเกิดความกลัว

น.ส.เอ กล่าวต่อว่า ตนทราบเรื่องนี้เนื่องจากตนเป็นพยานสำคัญให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอยู่ในความคุ้มครองของตำรวจ ซึ่งมีตำรวจนำรูปภาพหญิงสาววัยรุ่นที่เป็นไซด์ไลน์ เมื่อดูภาพก็ต้องตกใจเพราะหนึ่งในภาพที่ตำรวจนำมาให้ดูพบว่าเป็นบุตรสาวของตน จึงร่วมกับตำรวจวางแผนล่อซื้อจับกุม และจับแม่เล้าได้ 2 ราย แต่ไม่สามารถจับกุมดาบตำรวจผู้อยู่เบื้องหลังได้ จึงได้ร้องเรียนไปยังตำรวจภูธรภาค 5 และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งผลการตรวจสอบสรุปว่าเป็นการเข้าใจผิด ตนพร้อมบุตรสาวจึงเดินทางมาที่บก.ปคม.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับดาบตำรวจในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์

น.ส.เอ กล่าวอีกด้วยว่า บุตรสาวได้ตกเป็นเหยื่อของน.ส.ปิยะวรรณ และน.ส.ปิยะทัศน์เช่นเดียวกัน ซึ่งขบวนการค้ามนุษย์กลุ่มนี้มีเด็กวัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก โดยมีการให้เสพสารเสพติด (ยาบ้า) ต่อเหยื่อสาววัยรุ่น โดยเมื่อวันที่ 3 ต.ค.59 ดาบยุทธให้น.ส.ปิยะวรรณติดต่อให้น.ส.บีกับพวกรวม 3 คน มาขายบริการให้กับแขกวีไอพีของนายดาบ ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ใหญ่ของนาย จนกระทั่งตำรวจภูธรภาค 5 ทนไม่ไหวที่เห็นพฤติกรรมของนายดาบตำรวจ จึงได้ล่อซื้อจากชุดสืบสวนสภ.เมืองแม่ฮ่องสอน จนสามารถจับกุมน.ส.ปิยะทัศน์ได้ พร้อมกับเหยื่อวัยรุ่นอีก 2 คน และต่อมาขยายผลจับน.ส.ปิยะวรรณ เพิ่มอีก 1 คน ซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของสภ.เมืองแม่ฮ่องสอน แต่ตนและบุตรสาวไม่ได้รับความเป็นธรรม จากพนักงานสอบสวนสภ.เมืองแม่ฮ่องสอน เนื่องจากไม่ยอมขยายผลถึงดาบตำรวจที่เป็นตัวการใหญ่

น.ส.บี กล่าวว่า ตนรู้จักกับรุ่นพี่ที่ชื่อน.ส.ปิยะวรรณ ได้ชักชวนไปให้ขายบริการ แต่ตนไม่ยอมไป จึงถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกายและจะประจานในสื่อสังคมออนไลน์ ตนมาทราบว่าดาบตำรวจคนนี้อยู่เบื้องหลังเนื่องจากน.ส.ปิยะวรรณเป็นคนเล่าให้ฟัง ซึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่จะกลัวดาบตำรวจคนนี้ ตนเคยโดนข่มขู่ว่าหากไม่ไปขายบริการก็จะโดนทำร้ายร่างกาย และบุกมาหาถึงห้องอีกด้วย

ด้านพ.ต.อ.มานะ เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจากพล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม.ให้เป็นตัวแทนรับเรื่องร้องเรียน ซึ่นในเบื้องต้นจะรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ได้รับคดีไว้ดำเนินการแล้ว คดีนี้มีการจับกุมผู้ต้องหา 1 คน ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการยังไม่เสร็จสิ้น หลังจากนี้จะดำเนินการซักถามรายละเอียดกับผู้เสียหาย เมื่อได้ข้อเท็จจริงก็จะดำเนินการอำนวยความยุติธรรมทางคดีอาญา โดยจะประสานให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม

ส่วนกรณีที่มีข้าราชการเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ทางผู้บังคับบัญชาจะต้องสอบสวนทางวินัยควบคู่กันไปด้วย หากมีพยานหลักฐานชี้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริงก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ ผู้เสียหายจะได้รับการคุ้มครองสิทธิตามระเบียบกฎหมาย ให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด

นายอัจฉริยะ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับเด็กวัยรุ่นที่ถูกน.ส.ปิยะวรรณและน.ส.ปิยะทัศน์ หลอกนั้นมีทั้งที่สมัครใจ ชักชวน และบังคับข่มขู่ มีเด็กสาวในสังกัดกว่า 20 ราย แต่ละคนจะมีการสักรูปนกกางเขนไว้ที่หน้าอกหรือไม่ก็แผ่นหลัง

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ซึ่งปลอมเป็นลูกค้ารายล่าสุดก่อนจะถูกจับกุมได้ติดต่อผ่านแม่เล้าเด็กว่าอยากใช้บริการเด็กที่ไม่มีรอบสัก ซึ่งน.ส.บีไม่มี จึงส่งรูปให้ตำรวจดูทางไลน์ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นรูปจำได้ว่าเป็นลูกสาวของตน จึงเอารูปให้ดูแม่ เมื่อน.ส.บีเห็นถึงกับช็อคก่อนจะยืนยันและนำไปสู่การจับกุม จนพามาร้องบก.ปคม.ในครั้งนี้ เพื่อให้ดำเนินคดีกับขบวนการค้ากามเด็กในแม่ฮ่องสอนให้ถึงที่สุดต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน