เมื่อวันที่ 11 ม.ค. นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับ นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผวจ.เชียงราย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดเชียงราย พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รรท. ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข รรท. ผบช.ปส. พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผบช.ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และพล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 สนธิกำลัง และเปิดยุทธการ “ป.ป.ส. บูรณาการตัดวงจรทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด ครั้งที่ 1 เครือข่าย นช.วรายุทธ แสงอรุณ” เพื่อดำเนินการในมิติด้านการปราบปราม และยึดทรัพย์สินเครือข่ายรายสำคัญ

สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ก.พ.2559 เรือนจำกลางระยองสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องขังในเรือนจำมีพฤติการณ์ลักลอบค้ายาเสพติด จึงประสาน ป.ป.ส. เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนขยายผลต่อกลุ่มเครือข่ายผู้ต้องขังดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ป.ป.ส. สนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการต่อบุคคลในเครือข่าย นช.วรายุทธ แสงอรุณ ผู้ต้องขังเรือนจำเขาบิน และเครือข่ายภายนอกเรือนจำ ดำเนินการจับกุมบุคคลในเครือข่ายได้ 10 ราย ยึดทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท และพบหลักฐานเพิ่มเติมจนสามารถขยายผลไปยังกลุ่มเป้าหมายในเครือข่ายรายอื่น ที่ร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติม จึงได้กำหนดเป็นยุทธการฯ เข้าปฏิบัติการใน 3 จังหวัด รวมพื้นที่ปฏิบัติการ 9 เป้าหมาย ดังนี้ จ.ชลบุรี 3 เป้าหมาย, จ.สมุทรปราการ 1 เป้าหมาย และ จ.เชียงราย 5 เป้าหมาย

ซึ่งผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 5 คน คือ 1.นายไพรัตน์ สกุลเผือก อายุ 33 ปี, 2.นายสมชาย จันทร์ทรัพย์ อายุ 37 ปี, 3.น.ส.สุวาลี คีรยากุล, 4.นายจะคือ กาวสี และ 5.น.ส.นาซู ลีซา อีกทั้ง ยังสามารถยึดทรัพย์สิน รวม 47 รายการ ประกอบด้วย บ้าน 9 หลัง, โฉนดที่ดิน 4 แปลง, รถยนต์ 10 คัน, จักรยานยนต์ 11 คัน, อาวุธปืน 2 รายการ, บัญชีเงินฝาก 9 รายการ, ทองแท่งและทองรูปพรรณ มูลค่าประมาณ 1.6 ล้านบาท และเงินสด 1.8 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สิน 65 ล้านบาท

สำหรับเครือข่ายนี้ เริ่มต้นกรมราชทัณฑ์ ที่เรือนจำระยอง ได้แจ้งข่าวมาที่สำนักงาน ปปส.เมื่อเดือนก.พ.2559 มีนักโทษในเรือนจำได้ประสานนักโทษที่เขาบิน ที่สั่งการในเรื่องของการค้าขายยาเสพติด ก็คือ นายชลัมพล ทับจันทร์ พ้นโทษออกมาจากระยอง สำนักงานปปส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามจับกุมตัว และดำเนินคดีอีกคดีหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวพันกับนักโทษสองคนที่อยู่เขาบินจากการสืบสวนของหน่วยที่เกี่ยวข้อง ใช้เวลาตั้งแต่เดือนก.พ.2559 ที่ทราบข่าว ประมาณเดือนมิถุนายนก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 10 คน ของเครือข่ายนี้ที่ค้ายาเสพติด ที่ขนยาเสพติดผลิตจากภาคเหนือไปสู่พื้นที่ภาคกลาง เอาไปปล่อยขายในพื้นสมุทรปราการ ชลบุรี จับเมื่อเดือนมิถุนายน 10 คนนี้ ยึดทรัพย์สินได้ประมาณ 20 ล้านบาท

จากนั้นสืบสวนขยายผลต่อ จึงเป็นที่มาของ 5 คนนี้ มีนายสมชาย กับนายไพรัตน์ อยู่ที่ชลบุรีและสมุทรปราการ ส่วน 3 คนอยู่ที่เชียงราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ตามจับกุมตัวได้ที่แม่ฟ้าหลวง ซึ่งตัวบงการก็คือ นางสุวาลี ซึ่งมีที่พักอยู่ที่นี่ ทรัพย์สินที่ยึดได้ในครั้งนี้เป็นของสุวาลี ทั้งหมดนี้ทั้งที่ชลบุรี สมุทรปราการ เชียงราย สามารถยึดทรัพย์สินทั้งหมดได้ 40 กว่ารายการ

นายศิรินทร์ยา กล่าวว่า ยุทธการดังกล่าว เป็นการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 (มาตรการสมคบ) โดยขยายผลจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้องและยึดทรัพย์สิน เพื่อทำลายเครือข่ายและโครงสร้างการค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดของประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน