กรณีกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด จ.ฉะเชิงเทรา จับกุมตัว นายณัฐพงค์ ศรีคะโชติ หรืออาร์ม อายุ 19 ปี ไปจากบ้านพัก เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.2558 โดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา หลังจากนั้นนายณัฐพงค์ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย กระทั่งนายเผชิญ ศรีคะโชติ บิดา ของนายณัฐพงค์ ต้องเข้าไปร้องขอความเป็นธรรมไปหลายหน่วยงาน ก่อนจะมีการดำเนินคดีกับ 4 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ซึ่งเป็นตำรวจ 2 นาย พลเรือน 2 คน คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอัยการจ.ฉะเชิงเทรา

เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่กองปราบปราม นายเผชิญ ศรีคะโชติ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/7 หมู่ 1 ต.คลองหลวง อ.เมืองฉะเชิงเทรา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.วิทวัส สายอ๋อง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป.เพื่อร้องขอให้กองปราบฯช่วยสืบสวน และตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 ราย ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับคดีอุ้มนายณัฐพงค์ ศรีคะโชติ หรืออาร์ม อายุ 19 ปี บุตรชาย ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ โดยล่าสุดพบหลักฐานใหม่ที่เชื่อว่ายังมีผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ถูกดำเนินคดี

นายเผชิญ กล่าวว่า คดีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของนายณัฐพงค์ บุตรชายของตนนั้นเชื่อว่าไม่ได้มีผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้เพียงแค่ 4 คนเท่านั้น เพราะหลังจากได้ร้องเรียนไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้ช่วยสืบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากเชื่อว่าคดีนี้มีผู้คนบงการแน่นอน ซึ่งต่อมาก็พบหลักฐานเป็นข้อมูลการใช้โทรศัพท์ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คนในวันเกิดเหตุด้วย

นายเผชิญ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรายนี้ก็ยังเป็นญาติห่างๆกับตนอีกด้วย แต่หลังเกิดเหตุก็ปิดบ้านที่อยู่ใกล้กันไปอยู่ที่อื่นแล้ว นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลอีกว่าก่อนเกิดเหตุมีตำรวจอีกรายหนึ่ง ยังเป็นผู้เปิดเช็คข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของบุตรชายตนภายในวันเดียวกันมากถึง 8 ครั้ง ซึ่งหลักฐานทั้ง 2 อย่างนี้จึงเชื่อว่าน่าจะมีผู้เกี่ยวข้องที่ยังไม่ถูกจับกุมอีก 3 คน จึงนำหลักฐานดังกล่าวมาขอให้กองปราบฯช่วยขยายผลสืบหาข้อเท็จจริง เพราะถึงแม้ว่าโอกาสที่บุตรชายของตนยังมีชีวิตอยู่จะเลือนรางเต็มที แต่ก็ขอให้ได้เจอไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม

ด้าน พ.ต.ต.วิทวัส กล่าวว่า จะรับเรื่องดังกล่าวไว้ พร้อมกับสอบปากคำผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนี้จะประสานให้ฝ่ายสืบสวนของกก.2 บก.ป.ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน