เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากและดินสไลด์ใน 7 จังหวัด รวม 14 อำเภอ 52 ตำบล แยกเป็น จ.สุโขทัย น้ำจากแม่น้ำยมล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองสุโขทัย อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง อ.กงไกรลาศ และอ.บ้านด่านลานหอย รวม 21 ตำบล 141 หมู่บ้าน 26 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,618 หลังคาเรือน ถนน 25 สาย ตลิ่ง 4 แห่ง พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 40,703 ไร่ ปัจจุบันอ.เมืองสุโขทัย เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ส่วนอำเภออื่นๆ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตร

201607141121512-20090615145041

จ.พะเยา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองพะเยา อ.ดอกคำใต้ และอ.ภูกามยาว รวม 15 ตำบล ปัจจุบันสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จ.แม่ฮ่องสอน เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ปางมะผ้า อ.เมืองแม่ฮ่องสอน และอ.ปาย รวม 8 ตำบล ปัจจุบันสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จ.พิษณุโลก น้ำจากแม่น้ำยมไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อ.บางระกำ ประชาชนได้รับผลกระทบ 500 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 2,800 ไร่ บ่อปลา 4 บ่อ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตร จ.ตาก น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อ.ท่าสองยาง บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 1 หลังคาเรือน ปัจจุบันสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จ.หนองบัวลำภู น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่อ.ศรีบุญเรือง ประชาชนได้รับผลกระทบ 3 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 100 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำลดลง จ.ระยอง น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อ.เมืองระยอง ปัจจุบันสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b9%88%e0%b8%b2

นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่ามรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ร่องมรสุมมีกำลังแรงขึ้นและได้เคลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ส่งผลให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ปภ.จึงได้ประสาน 27 จังหวัด แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด ภาคกลาง 14 จังหวัด ได้แก่ นครนายก ราชบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง และพังงา

รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมืออุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มความถี่ในการตรวจวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณที่มีปริมาณฝนสะสมอยู่แล้ว รวมถึงจัดเตรียมสรรพกำลัง เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยง อาทิ คอสะพาน เส้นทางน้ำไหลผ่าน ที่ลาดเชิงเขา เพื่อให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุ แก้ไขปัญหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย ตลอดจนกำหนดพื้นที่รองรับน้ำและเก็บกักน้ำ และวางแผนพร่องน้ำ ผันน้ำ และระบายน้ำออกจากพื้นที่ประสบภัยซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ โดยบูรณาการแผนการระบายน้ำในเชิงลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัย

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน