วิ่งเต้นคดี / ตร.รวบสาวแสบตุ๋นเหยื่อ อ้างรู้จักนายทหารยศพันเอกช่วย วิ่งเต้นคดี ยาเสพติดให้หลุดคดีได้ สูญเงิน 1.2 ล้าน เจ้าตัวยังปฏิเสธ อ้างตกเป็นเหยื่อเช่นกันแถมไม่ได้เงินสักบาทเดียว

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป พ.ต.ท.อภิสันฐ์ ไชยรัตน์ รอง ผกก.5 บก.ป พ.ต.ท.วิศิษฏ์ ศรียาภัย สว.กก.5 บก.ป. นำกำลังจับกุม น.ส.ปาณิสรา น้ำบุ่น อายุ 47 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงนครปฐมที่ 210/2555 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

พ.ต.ท.อภิสันฐ์ กล่าวว่า เมื่อประมาณต้นปี 2554 น.ส.เพ็ญนภา คุ้มถนอม อายุ 32 ปี ผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมพร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 200 เม็ด และยาไอซ์อีก 4 กรัม ถูกพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้วดำเนินคดีข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

ต่อมามีน.ส.หนูนี (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ซึ่งเป็นญาติกับน.ส.เพ็ญนภา บอกว่า น.ส.ปาณิสรากับนายทรงพล ทรงเมตตาธรรม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารยศ พ.อ. สามารถวิ่งเต้นช่วยเหลือให้หลุดคดีได้ ทำให้นางพรทิพย์ คุ้มถนอม ซึ่งเป็นแม่ของน.ส.เพ็ญนภานำเงินให้กับ น.ส.ปาณิสราและนายทรงพล เพื่อวิ่งเต้นคดีจำนวน 1.2 ล้านบาท

รอง ผกก.5 บก.ป กล่าวต่อว่า จากนั้นปรากฏว่าน.ส.เพ็ญนภาถูกศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี ทำให้นางพรทิพย์เชื่อว่าถูกหลอก จึงแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน โดยเมื่อปี 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุมตัวนายทรงพลได้ที่จ.ชลบุรี ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยหลอกผู้อื่นว่าเป็นทหารยศ พ.อ. สามารถวิ่งเต้นออกโฉนดที่ดินได้

ซึ่งขณะนี้ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำกลางราชบุรี ต่อมาจึงขยายผลออกสืบสวนติดตามจับกุม น.ส.ปาณิสราผู้ต้องหานี้รายนี้ จนทราบว่าหลบหนีไปทำงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้ดังกล่าว

จากการสอบสวน น.ส.ปาณิสราให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง เนื่องจากตนก็ถือเป็นผู้เสียหายเช่นกัน โดยเมื่อปี 2554 หลังรู้จักกับนายทรงพล และยังรู้ว่านายทรงพลเป็นที่นับหน้าถือตาในแวดวงข้าราชการ สามารถวิ่งเต้นทางคดีได้ ซึ่งตนก็เคยขอให้ช่วยต้องเสียเงินไปเป็นแสน

ขณะเดียวกันพอมีคนรู้จักเดือดร้อนเลยช่วยแนะนำนายทรงพลให้ช่วยในเรื่องต่างๆ ซึ่งหลังจากรู้ว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นญาติห่างๆ มีลูกสาวคือน.ส.เพ็ญนภา ที่ถูกดำเนินคดียาเสพติด จึงมอบเบอร์โทรศัพท์ของนายทรงพลให้ ซึ่งการพูดคุยต่างๆ ตนไม่รู้เรื่องและเงินก็ไม่เคยได้สักบาทเดียว

แต่หลังทราบความจริงว่า มีเรื่องทางคดีกันและตนก็ถูกหลอก แถมถูกฟ้องร้องว่ามีส่วนรู้เห็นร่วมกับเขา ทำให้ต้องสู้คดีจนหมดเนื้อหมดตัว ซึ่งสุดท้ายศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ก็ตัดสินแล้วว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจึงได้นำตัวส่ง สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน